เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อขยายผล และเอาผิด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) รายหนึ่งนัดทานข้าวกับผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ จ.ขอนแก่น อาจเข้าข่ายฮั้วการเลือก สว.ว่า มีผู้สมัคร สว. ซึ่งตนได้ยินมาว่าเป็น สว.สายภาคอีสาน เข้าร่วมรับประทานข้าวกับ สส. โดยมีการยื่นเสนอตำแหน่งผู้ช่วย สว. ให้กับผู้สมัคร สว. โดยมีการพูดคุยทางโทรศัพท์ ซึ่งปลายสายอ้างว่าเป็นเจ้าพ่อเขากระโดง และเป็นถึงรัฐมนตรี ตนจึงขอให้ กกต.ขยายผลว่าเจ้าพ่อเขากระโดงเป็นใคร มีบทบาทอย่างไรกับการเลือก สว.
นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า กกต. มีอำนาจขอหลักฐานบันทึกรายการการสนทนาผ่านโทรศัพท์ของ สส.รายดังกล่าวได้ผ่าน สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อให้ทราบเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกมาให้สัมภาษณ์หลังนายเอกราช ช่างเหลา สส.พรรคภูมิใจไทย ถูกพาดพิงว่า เป็นเพียงแค่ สส.ขอนแก่น ตนจึงไม่แน่ใจว่านายอนุทิน ดูถูกคนอีสานหรือไม่ ซึ่งแต่เดิมนายอนุทิน ก็ไม่ใช่คนบุรีรัมย์ แต่ทำไมถึงโอนตัวตนไปอยู่บุรีรัมย์ ถ้าตนเป็นนายอนุทิน ตนจะไม่เล่นการเมือง ไม่เข้าสู่ระบบของใครบางคน
นายภัทรพงศ์ กล่าวย้ำว่า ทั้งนี้ในอีก 2-3 วันข้างหน้า ตนได้เตรียมที่จะสอยว่าที่ สว.ในกลุ่มสื่อสารมวลชน อย่างน้อย 3-4 คนด้วย หลังจากที่มีการประกาศรับรอง สว.
นายภัทรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หาก กกต.ฝืนประกาศรับรองผล ทั้ง 77 จังหวัดได้จองกฐินเตรียมดำเนินคดีกับ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ตามมาตรา 157 ตนขอเดาว่าเลขาธิการ กกต.ไม่กล้าประกาศผลรับรองในช่วงนี้ เพราะมี กกต.หลายคนไม่เอาด้วย เหตุการณ์ตอนที่เขาหน้าหนาจะย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายหน้าจะหนาหรือใหญ่มาจากไหนก็ติดคุกกันทั้งนั้น