จากกรณีตำรวจ บก.ปปป. จับกุมนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน หลังวางแผนเรียกรับเงินจากนายนัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว 3 ล้านบาท ก่อนตกลงเหลือเพียง 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับไม่ให้ร้องเรียน นำไปสู่การขยายผลจับกุมนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก อายุ 65 ปี น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อายุ 34 ปี นายเอกลักษณ์ วารีชล อายุ 47 ปี และ น.ส.ณพัชญ์ปภา จรรยา อายุ 43 ปี ผู้ร่วมขบวนการ ตามที่เสนอข่าวแล้วนั้น
‘อธิบดีกรมการข้าว’ยันวางแผนกับ ‘เมีย’ล่อซื้อ ‘ศรีสุวรรณ’เรียกเงิน 1.5 ล้าน
‘พี่ศรี’ เกมแล้ว! ‘ปปป.’ ซ้อนแผนจับคาบ้าน รีดเงิน ‘อธิบดีกรมการข้าว’ 3 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่า คณะพนักงานสอบสวน บช.ก. ได้สรุปสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวพร้อมพยานหลักฐานรวม 11 แฟ้ม จำนวน 4,490 แผ่น มอบหมายให้ พ.ต.ท.ภูริต ศรีบุญเรือง พงส.กก.1 บก.ปปป. นำไปเสนอต่ออธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้นายนัฏฐกิตติ์ ได้กล่าวหานายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก กับพวก รวม 5 คน ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ว่า ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค. 66 ถึงวันที่ 26 ม.ค. 67 กลุ่มผู้ต้องหาเรียกเอาทรัพย์สินโดยทุจริตต่อหน้าที่ เหตุเกิดที่ รัฐสภา เขตตุสิต, กรมการข้าว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ และที่ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยทรัพย์ที่ถูกประทุษร้าย เป็นเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ และได้นำตัวกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 5 คน มาสอบสวน และแจ้งข้อหาที่ บก.ปปป. ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. จนถึง 15 ก.พ.ที่ผ่านมาต่อเนื่องกัน
ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง นายยศวริศ ใน 6 ข้อหา ประกอบด้วย 1.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในตำแหน่งโดยมิชอบฯ 2.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ฯ 3.ร่วมกันเรียกหรือยอมจะรับทรัพย์สินฯ 4.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยขู่เข็ญจะทำอันตรายต่อชีวิต ชื่อเสียง 5.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยขู่เข็ญว่าจะเปิดเผยความลับ และ 6.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปฯ
ส่วนนายศรีสุวรรณ กับผู้ต้องหาที่เหลือสั่งฟ้องใน 6 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันสนับสนุน เจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ฯ 2.ร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับทรัพย์สินฯ 3.ร่วมกันเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินเป็นการตอบแทนในการจูงใจเจ้าพนักงาน โดยวิธีอันทุจริต 4.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชื่อเสียง 5.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยขู่เข็ญว่าเปิดเผยความลับ และ 6.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป.