เมื่อวันที่ 17 ก.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กในหัวข้อ “ยิ่งลักษณ์ จะเป็นนักโทษเทวดาอีกคน?” ว่า มีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 28 ก.ค. 2567 ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นข่าวจริง ข่าวปล่อย หรือข่าวลือ เพราะเมื่อสื่อมวลชนได้สอบถามเรื่องนี้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน มีแต่ท่าทีอมยิ้มแล้วเดินหนีไป ทั้งนี้ กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด มีโทษจำคุก 5 ปี ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และได้หนีคดีตั้งแต่วันนัดฟังคำพิพากษาจนถึงบัดนี้ ยังไม่เคยเดินทางกลับมารับโทษในประเทศไทยเลย ส่วนการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเป็นสิทธิของนักโทษทุกคน แต่จะต้องเป็นนักโทษที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมถูกคุมขัง รับโทษอยู่ในเรือนจำแล้ว
นายเทพไท ระบุอีกว่า แต่กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้เดินทางกลับประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเลย แล้วจะใช้หลักเกณฑ์หรือสิทธิของนักโทษข้อไหนในการขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการเฉพาะราย ต้องเป็นผู้ต้องโทษที่คดีถึงที่สุดแล้ว และผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง (เช่น บิดามารดา บุตร คู่สมรส) สามารถยื่นเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษผ่านเรือนจำ ทัณฑสถาน กระทรวงยุติธรรม แต่สำหรับประเทศไทยมักมีอะไรที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการยุติธรรมไทย จะมีอภินิหารกฎหมาย ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ทางคดีความได้ ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร เคยสร้างปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้วว่าเป็นนักโทษชายที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาตัดสินคดีทุจริต 3 คดี มีโทษจำคุก 10 ปี แต่ศาลฎีกาฯ พิพากษานับรวมโทษ เหลือ 8 ปี ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือโทษจำคุก 1 ปี และไม่ถูกจำคุกเลยแม้แต่วันเดียว
นายเทพไท ระบุว่า ส่วนกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษามีโทษจำคุก 5 ปี มีการสร้างกระแสในลักษณะโยนหินถามทางเพื่อยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ จะต้องจับตามองว่าจะมีอภินิหารทางกฎหมาย ทำให้เกิดปาฏิหาริย์โดยไม่ต้องติดคุกเลยหรือไม่ และสามารถยกเว้นระเบียบของกรมราชทัณฑ์ โดยการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษจากต่างประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าสู่การรับโทษตามกระบวนการยุติธรรมไทยเลยได้หรือไม่