เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่รัฐสภา นายณัฐชา อินไชยสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย ในคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภาวิทยาศาสตร์ เปิดเผยภายหลังการประชุมซึ่งมีวาระพิจารณาเรื่องปลาหมอคางดำ ว่า ตนได้ประสานงานกับเกษตรกรให้จับปลาหมอคางดำ จำนวน 20 กิโลกรัม (ก.ก.) เพื่อนำมาทอดเมื่อเช้าวันนี้ ขณะเดียวกัน ตนจะยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในปัจจุบันที่ร้ายแรงที่สุดตั้งแต่มีมา โดยตนได้รับข้อกังวลสงสัยจาก สส. หลายคนว่า รสชาติของปลาหมอคางดำเป็นอย่างไร จึงทอดมาเพื่อให้ชิมในวันนี้ และระหว่างชิมก็ตั้งใจว่าจะให้ถ่ายภาพบรรยากาศว่า สส. หลายคน มีความเห็นต่อรสชาติเป็นอย่างไร แต่กลับมีปัญหา

“ผมไม่เข้าใจว่าปลาหมอคางดำจะทำให้สภามันล่มสลายหรืออย่างไร หรือห้องอาหารของสภา ทำไมถึงถ่ายวิดีโอไม่ได้ เพราะนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา คนที่สอง ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาบอกว่า ให้ สส. ทานได้ แต่ไม่ให้บันทึกภาพใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมบอกผู้ช่วยของผมว่า ในการยกเข้ามา ไม่ให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ช่วยเข้ามาช่วย ผมก็งงว่าเอาปลามา 20 กก. ต้องหิ้วด้วยตัวเองหรืออย่างไร ผมขอแค่ความร่วมมือในการช่วยยกปลา และอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ได้ให้เขาเข้ามานั่งกินในห้องอาหาร เพื่อน สส. หลายท่านทาน ก็วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ถือเป็นเสียงสะท้อนของผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังมีสายเรียกเข้ามา และเจ้าหน้าที่เดินมาบอกว่า ไม่ให้ถ่าย ถ่ายไม่ได้ บันทึกภาพไม่ได้ ผมจึงถามว่า ห้องอาหารสภา มีความลับสูงขนาดนั้นเลยหรือ ในการชิมปลาหมอคางดำ เขาก็ตอบว่า ไม่ได้ทุกกรณี” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวอีกว่า ตนตั้งคำถามว่าปลาหมอคางดำเข้ามาในสภา เริ่มจะไม่มีความชอบมาพากล ทำไมถึงยากเหลือเกิน การตั้งคณะอนุฯ ก็ทำไปอย่างมีข้อติดขัดหลายอย่าง วันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้ตั้งญัตติด่วนหรือไม่ แม้แต่ปลาหมอคางดำทอด ยังเอาเข้ามาให้ สส. ชิมไม่ได้

“ผมกังวลว่าญัตติของผมจะเป็นหมัน ก็ฝากประชาชนติดตาม ถ้าไม่ให้ตั้งกระทู้ ผมยอมไม่ได้ ตายเป็นตาย ให้รู้กันไปว่าจะส่งต่อระบบนิเวศแบบนี้ให้คนรุ่นหลัง”นายณัฐชา กล่าวและว่า ขอมอบปลาหมอคางดำทั้งหมดให้สื่อมวลชนได้ชิมให้อิ่มหนำสำราญ และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเต็มที่ เพราะสภาแห่งนี้ไม่มีพื้นที่พอให้ สส. ได้กลับไปบอกคนในพื้นที่.
