ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดศรีศรัทธาธรรม ต.บ้านปรก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม นายกรกฎ วงษ์สุวรรณ รอง ผวจ.สมุทรสงคราม เป็นประธานเปิดโครงการ 1 ผู้ก้าวพลาด 1 ครอบครัว 1 กำลังใจในชุมชน จัดขึ้นโดยสำนักงานคุมประพฤติ จ.สมุทรสงคราม โดยคณะกรรมการกองทุน จ.สมุทรสงคราม จัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพื่อบูรณาการ การติดตาม ดูแล ช่วยเหลือ เฝ้าระวัง ผู้กระทำผิดคดียาเสพติดในชุมชนให้เกิดรูปธรรม ตลอดจนฟื้นฟูสัมพันธภาพ สร้างภูมิคุ้มกันของบุคคลในครอบครัว สร้างความเข้มแข็งและความปลอดภัยให้กับชุมชน อีกทั้งปรับเปลี่ยนทัศนคติ ในการยอมรับ และให้โอกาสผู้กระทำผิดกลับสู่สังคมได้อย่างภาคภูมิ อีกทั้งสามารถอยู่ร่วมกับบุคคลในครอบครัวและชุมชนได้อย่างปกติสุข

สำหรับโครงการดังกล่าวกำหนดจัดขึ้นจำนวน 4 รุ่น รุ่นละ 60 คน มีกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยผู้ถูกคุมประพฤติคดียาเสพติด ครอบครัว และอาสาสมัครคุมประพฤติโดยครั้งนี้เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ทั้งหมดยังได้ร่วมกันถวายผ้าอาบน้ำฝนแด่พระครูปลัดกฤตพรต กิตติปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีศรัทธาธรรม เพื่อสร้างบุญกุศล ช่วงออกพรรษาเป็นนวัตกรรมที่ให้ผู้ถูกคุมประพฤติได้ใช้หลักทางศาสนาขัดเกลาจิตใจอีกด้วย

จากนั้นนายเจษฎา พุ่มจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติ จ.สมุทรสงคราม ได้กล่าวกับผู้ถูกคุมประพฤติ ครอบครัว และอาสาสมัครคุมประพฤติที่เข้าร่วมโครงการ ว่า ประเทศไทยเผชิญปัญหาอาชญากรรมต่างๆ มาเป็นระยะเวลายาวนาน และทวีความรุนแรงมากขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาครอบครัว ปัญหาสุขภาพกายและจิตใจ รวมถึงปัญหาอาชญากรรม ซึ่งผู้กระทำผิดส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานถือเป็นทรัพยากรส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศ แต่กลับต้องตกอยู่ในสถานะผู้พึ่งพิงสังคม อันเนื่องมาจากขาดแรงจูงใจ ความรับผิดชอบต่อตนเองและครอบครัวในการแสวงหาโอกาสในการประกอบอาชีพ และปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ในการดำรงชีวิต ซึ่งรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยต้องสูญเสียงบประมาณ และทรัพยากรบุคคลที่เป็นกำลังสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาการกระทำผิด แต่ยังไม่เกิดการแก้ไขที่ยั่งยืน

กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีภารกิจหลักในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน ได้กำหนดนโยบายการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด โดยส่งเสริมการศึกษาขั้นพื้นฐานและสร้างการประกอบอาชีพ รวมถึงส่งเสริมการบูรณาการประสานส่งต่อให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด และสำนักงานคุมประพฤติ จ.สมุทรสงคราม ในฐานะส่วนราชการสังกัดขับเคลื่อนนโยบาย จึงพิจารณาจัดทำโครงการนี้ภายใต้กรอบแนวคิดนำสถาบันครอบครัว อันเป็นสถาบันที่มีความสำคัญที่สุด และชุมชนที่เป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้กระทำผิดสามารถแก้ไขปรับปรุงตนเองได้อย่างยั่งยืนเพื่อเริ่มต้นบูรณาการบทบาทในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดร่วมกันโดยภาครัฐสนับสนุนเพื่อสอดส่องดูแล เฝ้าระวัง ติดตาม ช่วยเหลือผู้กระทำผิดกลับตัวเป็นพลเมืองที่ดีอยู่ในสังคมได้อย่างภาคภูมิ มั่นคง และเกิดความยั่งยืนต่อไป

การจัดโครงการดังกล่าว เพื่อสร้างความร่วมมือกับครอบครัวผู้กระทำผิดและชุมชน เนื่องจากพนักงานคุมประพฤติของสำนักงานคุมประพฤติ จ.สมุทรสงคราม มีเพียง 6 คน และอาสาสมัครคุมประพฤติทั้งจังหวัดมีเพียง 172 คน แต่ต้องดูแลผู้ที่อยู่ในระบบคุมประพฤติมากถึง 500 คน โดยพนักงานคุมประพฤติมีหน้าที่จัดระบบและรายงานพฤติกรรมของผู้ถูกคุมประพฤติต่อศาล หากผู้ถูกคุมประพฤติปฏิบัติตามเงื่อนไขอาจจะต้องถูกคุมประพฤติสูงสุดเป็นเวลา 5 ปี หรือไม่ถึงก็เป็นได้ แต่ถ้าหากไม่ทำตามศาลจะออกคำสั่งลงโทษตามกฎหมาย

สำหรับผู้ที่ถูกคุมประพฤติ คดียาเสพติดแต่เดิมใช้วิธีบำบัดแล้วส่งกลับไปอยู่ในชุมชน ก็จะมีความเคว้งคว้างและอาจกลับไปสู่วังวนเดิมๆ สำนักงานคุมประพฤติ จ.สมุทรสงคราม จึงเล็งเห็นการฟื้นฟูผู้กระทำความผิดโดยครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมเพื่อเกิดการบูรณาการในการบำบัดฟื้นฟูผู้กระทำผิดและป้องกันไม่ให้กลับไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งนี้ครอบครัวจะมาช่วยฟื้นฟูทางด้านจิตใจและพฤติกรรม ส่วนในเรื่องของการช่วยเหลือด้านการเรียนและการสร้างอาชีพนั้น อาสาสมัครคุมประพฤติจะเข้าไปช่วยเหลือดูแลและประสานความร่วมมือกับสำนักงานคุมประพฤติอย่างต่อเนื่อง