สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ว่า นอกเหนือจากปั๊มความร้อน โครงการริเริ่มอื่ม ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังครอบคลุมถึงการเปลี่ยนยานพาหนะหรูหราของราชวงศ์ ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ด้วย

ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ทรงเป็นนักสิ่งแวดล้อมตลอดพระชนมพรรษา และมีชื่อเสียงจากการเป็นเจ้าของรถยนต์แอสตัน มาร์ติน ดีบี6 ปี 2513 ซึ่งพระองค์ทรงดัดแปลงมันให้ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงชีวภาพ ที่ผลิตจากไวน์ขาวส่วนเกินของสหราชอาณาจักร และเวย์โปรตีนจากการผลิตชีส

ภายใต้แผนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งระบุอยู่ในรายงานประจำปีและบัญชีของราชวงศ์ สำหรับปีงบประมาณระหว่างวันที่ 1 เม.ย. 2566 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2567 เชื้อเพลิงที่ใช้กับเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินเช่าเหมาลำ จะถูกเปลี่ยนเป็น “เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน” (เอสเอเอฟ)

นอกจากนี้ ทรัพย์สินต่าง ๆ ของราชวงศ์สหราชอาณาจักร ในใจกลางกรุงลอนดอน เช่น พระราชวังบักกิงแฮม ก็จะเชื่อมต่อกับเครือข่ายความร้อนของประเทศเช่นกัน ซึ่งวิธีข้างต้น ถือเป็นวิธีให้ความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ด้วยการผลิตและการจ่ายความร้อนจากแหล่งความร้อนส่วนกลาง แทนการพึ่งพาหม้อไอน้ำแต่ละตัว

ยิ่งไปกว่านั้น แผนการดังกล่าวยังระบุถึงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ชุดแรก ซึ่งสามารถแปลงแสงอาทิตย์เป็นกระแสไฟฟ้า ที่ปราสาทวินด์เซอร์ ทางตะวันตกของกรุงลอนดอนด้วย

“โครงการเหล่านี้มีศักยภาพอย่างมาก ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของที่ประทับของราชวงศ์สหราชอาณาจักร” รายงาน ระบุเพิ่มเติม.

เครดิตภาพ : AFP