เมื่อวันที่ 30 ก.ค. นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่จะกลับเข้ามาพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ (31 ก.ค.) โดยเชื่อมั่นว่า สภาจะมีมติเห็นชอบในวาระ 3 อย่างแน่นอน เพราะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายเรือธงที่สำคัญของรัฐบาล ส.ส.ที่ได้ลงพื้นที่สัมผัสกับพี่น้องประชาชน รู้เห็นปัญหาของจริงย่อมเห็นถึงความจำเป็นของการเติมกำลังซื้อและกระจายเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจนี้ ควบคู่ไปกับการจูงใจประชาชนทั้งผู้ซื้อและผู้ขายเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลของรัฐขนาดใหญ่ หรือ Government Big Data ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เพื่อเริ่มเปลี่ยนถ่ายการบริการของภาครัฐสู่ยุคดิจิทัล หรือ E-Government อย่างเป็นรูปธรรมในรัฐบาลนี้
นายชนินทร์ กล่าวว่า นอกจากเติมเงินเข้าสู่กระเป๋าเงินของประชาชน รัฐบาลเลือกใช้แอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งจะเป็นการสร้างระบบการจัดเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยีบลอคเชนที่มีความปลอดภัยและสามารถสืบค้นข้อมูลได้ ซึ่งพบว่ามีประชาชนสนใจเข้ามาลงทะเบียนจำนวนมาก และยังเสริมประโยชน์แฝงอยู่อีกหลายประการ อาทิ
- การกำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายในอำเภอและประเภทสินค้าที่ใช้ได้ เพื่อส่งเสริมการกระจายตัวของเม็ดเงินลงทุกพื้นที่ ไม่กระจุกในเมืองหลัก และให้เม็ดเงินได้ต่อยอดการผลิต การจ้างงาน ในประเทศให้มากที่สุด
- การกำหนดเงื่อนไขการขึ้นเงินสด ภายหลังการใช้จ่ายในวงรอบที่ 2 แล้ว เพื่อส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบดิจิทัลที่มากขึ้น ก่อนจะมาหมุนต่อในสภาพเงินสดต่ออีก
- การจัดเก็บข้อมูลในระบบใหม่นี้ จะป้องกันการทุจริตได้มากขึ้น เนื่องจากมีการเก็บข้อมูลทุกธุรกรรม แบบกระจายการจัดเก็บอยู่หลายที่ ไม่สามารถไปแก้ไขข้อมูลได้ง่าย จึงสืบค้นได้แม่นยำขึ้น
- ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่ได้จากการเข้ามาร่วมโครงการ และการใช้งานแอปพลิเคชันนี้ จะถูกจัดเก็บอย่างเป็นระบบในระบบคลาวด์ ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลกลาง ที่ช่วยให้การดำเนินนโยบายอื่นๆของรัฐ สามารถทำได้ตรงเป้ามากขึ้น
“นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตนี้ ไม่ใช่การแจกเงินเยียวยาเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หรือการหว่านเงินหวังสร้างประชานิยม แต่คือการขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ให้นำเงินดิจิทัลที่ได้จากรัฐ ไปช่วยกันใช้จ่ายในทุกพื้นที่ ให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการเป็นกลไกในการกระตุกเศรษฐกิจในระยะสั้น และสร้างความคุ้นเคยแก่คนทั้งประเทศ สู่การเดินหน้าสู่สังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลในระยะต่อไป” นายชนินทร์กล่าว