กลายเป็นเรื่องทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ภายหลังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รับลูกนโยบายเปิดประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินหน้าเจรจาดึงตัว “ลิซ่า แบล็กพิงก์” หรือ น.ส.ลลิษา มโนบาล นักร้องวงเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลี แบล็กพิงก์ ( BLACKPINK ) ที่โด่งดังระดับโลก มาร่วมงานเคานท์ดาวน์ปีใหม่ 2022 ที่ จ.ภูเก็ต

ตั้งเป้าให้สาวน้อยมหัศจรรย์ ช่วยจุดกระแสการท่องเที่ยวไทย หลังต้องเผชิญวิกฤติโควิด 2 ปีเต็ม!

ทางด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยันเป็นเรื่องดี สำหรับแนวคิดเชิญศิลปินระดับโลกมาร่วมงานเคานท์ดาวน์ปีใหม่ที่ไทย เนื่องจากลิซ่า เป็นคนไทย รักบ้านเมือง และเป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ทุกอย่าง ต้องให้เกียรติเพราะเป็นศิลปินระดับโลก ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ขอให้ไปถาม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา

ทั้งนี้จากการตรวจสอบ ภารกิจดึง “ลิซ่า แบล็กพิงก์” เข้าร่วมงานเคานท์ดาวน์ปีใหม่ที่ไทย กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ต้องผ่าน 3 ด่านสำคัญ

(1) ด่านแรก ต้องได้รับอนุมัติจาก บริษัท YG Entertainment ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลี ต้นสังกัดวง BLACKPINK ที่มีเงื่อนไขรับงานอย่างเข้มงวด เนื่องด้วยวง BLACKPINK มีมูลค่าการตลาดมหาศาล

โดยเฉพาะ “ลิซ่า” ที่กินเนสส์บุ๊ก (Guinness World Records) บันทึกสถิติโลกในฐานะศิลปินหญิงเดี่ยวที่มียอดวิวสูงสุดบนยูทูบในรอบ 24 ชม. หลังจากซิงเกิ้ล Lalisa ที่ถูกปล่อยออกมา เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ด้วยยอดวิว 73.6 ล้านครั้งภายใน 24 ชม.

(2) ด่านสอง ในเทศกาลสำคัญ โดยเฉพาะช่วงเคานท์ดาวน์ปีใหม่ที่ทั่วโลกจัดงานคือนาทีทองของบริษัทต้นสังกัดที่ศิลปินระดับโลกถูกจองตัว บางรายต้องจองคิวข้ามปี

ดังนั้นการที่ ททท. เริ่มเปิดเจรจาช่วงกลางเดือน ต.ค. เพื่อดึงตัว “ลิซ่า” มาเมืองไทย ต้องรอลุ้นตารางคิวของ “ลิซ่า” จะว่างช่วงเคานท์ดาวน์ปีใหม่ 2022 หรือไม่

(3) ด่านสาม กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ต้องไม่ลืมค่าตัวศิลปินระดับโลก ถูกกำหนดโดยบริษัทต้นสังกัดมีราคาตั้งแต่ระดับหลักล้านถึงระดับหลายร้อยล้านบาทต่อครั้งแล้วแต่ประเภทงาน ไม่เกี่ยวกับมีสัญชาติไทยหรือไม่

โดยมีการประเมิน 4 สาววง BLACKPINK สามารถสร้างรายได้เข้าบริษัทต้นสังกัดหลักหลายพันล้านบาทต่อปี โดยแบ่งเป็นงานโฆษณา อีเวนต์โชว์ตัวและ Brand Ambassador อีกมากมาย

หากโฟกัสเฉพาะ “ลิซ่า” ช่วงเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา บริษัทยาสีฟันยี่ห้อหนึ่งในไทย เซ็นสัญญาดึงเป็น Brand Ambassador คนใหม่ โดยมีการเปิดเผยข้อมูลจากผู้บริหารต้องใช้งบกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 66 ล้านบาท ในการคว้าตัว “ลิซ่า” เข้ามาเป็นพรีเซ็นเตอร์

สำหรับเรตค่าตัวอีเวนต์ที่พ่วงด้วยการถ่ายโฆษณานั้น แหล่งข่าววงในเผยข้อมูลโดยรวมว่า ราคาค่าตัวนั้นจะเฉลี่ย โดยแบ่งเป็นลักษณะการถ่ายโฆษณาประมาณ 2 ครั้งต่อปี และร่วมด้วยการเปิดตัวงานหรือสินค้าอีก 1 ครั้ง จะตกอยู่ประมาณ 50-55 ล้านบาท

ทั้งหมดข้างต้นคือ 3 ด่านสำคัญที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ต้องฝ่าฟันในการดึงสาวน้อยมหัศจรรย์ “ลิซ่า แบล็กพิงก์” เข้ามาช่วยจุดกระแสท่องเที่ยวไทย!