เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 6 ส.ค. 2567 มีการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 3 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ที่ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว

พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สว.กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม อภิปรายว่า นายกฯ บอกว่ามีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินตามนโยบายเร่งด่วนรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ต่างๆ แต่ปรากฏว่ามีเงินกู้มา 1.1 แสนล้านบาท นี่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือโครงการเพิ่มหนี้ให้ประชาชนทุกคน การบอกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจนั้น กระตุ้นใคร กระตุ้นที่ไหน เพราะตนให้ทีมงานลงพื้นที่ที่ จ.สุรินทร์ ทั้งร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวแกง บ่นว่าจะให้เงินดิจิทัลอย่างไร สมมุติว่าบางคนเลี้ยงไก่ มีคนเอาเงินดิจิทัลมาซื้อไข่ไก่ แล้วเจ้าของฟาร์มไก่เล็กจะเอาเงินไปซื้อของที่ไหน ตนจึงสงสัยว่ากระตุ้นนายทุนใหญ่หรือไม่ ซึ่งประชาชนรอฟังคำตอบอยู่ ว่าโครงการนี้ทำเพื่อกระตุ้นจริงหรือไม่ หรือเป็นการหาเสียงล่วงหน้า

“ท่านอย่าหลงใหลได้ปลื้มกับคนลงทะเบียนกว่า 24 ล้านคน ไม่ทราบว่า 24 ล้านคนนี้จะได้สิทธิหมดทุกคนหรือไม่ และมีหลายคนที่ไม่กล้าไปลง กลัวมาหลอกให้ดีใจเล่น พอถึงเวลาก็ไม่ให้ โดยอ้างโน่นอ้างนี่ และยังมีคุณยายที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ให้หลานไปซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ลงทะเบียนได้ ราคา 4 พันบาท ซึ่งเงินหมื่นบาทหายไปแล้ว 4 พันบาท อย่างนี้จะกระตุ้นตรงไหน โทรศัพท์ก็ไม่ได้ผลิตในประเทศไทย และคนที่มีโทรศัพท์รุ่นเก่าก็ไม่มีความพร้อมในการลงทะเบียน กลายเป็นร้านสะดวกซื้อที่มีความพร้อมมาก ประชาชนจึงสงสัยว่า โครงการนี้กระตุ้นใครกันแน่” พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าว

พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าวต่อว่า ชาวบ้านบอกว่าตอนหาเสียงบอกจะได้เงินหมื่น ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีขั้นตอนเยอะขนาดนี้ หลายคนบอกว่าไม่เอาแล้ว ทำไมไม่จ่ายเงินสดให้พี่น้องประชาชนเลย เพราะประชาชนในพื้นที่เคยคุ้นชินกับโครงการคนละครึ่ง ตอนแรกก็บอกว่ารัฐบาลเอาเงินมาแจกได้อย่างไร แต่พอใช้ไปก็เข้าท่าเหมือนกัน เพราะคนที่ใช้ได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบบ้าง ไม่ใช่แบมือรับจากรัฐบาลอย่างเดียว จะสร้างนิสัยเสียให้คนทางอ้อม ดังนั้นขอเรียนว่าประชาชนอยากได้เงินสด และขอลดเงื่อนไขและกระบวนการลงเพื่อให้ง่ายขึ้น.