สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงนีอาเม ประเทศไนเจอร์ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า การตัดสินใจตัดความสัมพันธ์กับยูเครน เกิดขึ้นหลังกองทัพมาลีสูญเสียทหารจำนวนมาก เมื่อช่วงปลาย ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลทหารไนเจอร์กล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนกับนักรบจีฮัด และยูเครนมีส่วนทำให้กองทัพมาลีพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้

พ.อ.อมาดู อับดรามาเน โฆษกสภาแห่งชาติเพื่อการพิทักษ์มาตุภูมิ หรือคณะรัฐประหารไนเจอร์ กล่าวในแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ว่า ไนเจอร์จะขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) อภิปรายเกี่ยวกับ “ความก้าวร้าวของยูเครน”

“รัฐบาลไนเจอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกับรัฐบาลและประชาชนของมาลี ตัดสินใจด้วยอำนาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ในการตัดความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไนเจอร์กับยูเครน โดยมีผลทันที” พ.อ.อับดรามาเน กล่าวเพิ่มเติม

ก่อนหน้านี้เพียง 2 วัน รัฐบาลทหารมาลีประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับยูเครน หลังทราบถึงคำพูดของนายอันดรีย์ ยูซอฟ โฆษกของสำนักงานข่าวกรองทหารยูเครน (จียูอาร์) ที่ยอมรับว่า การมีส่วนเกี่ยวข้องของยูเครน ทำให้ทหารมาลีเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศของยูเครน ระบุว่า ยูเครนยึดมั่นในบรรทัดฐานของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างไม่มีเงื่อนไข และปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัฐบาลชั่วคราวของมาลีอย่างหนักแน่น ตลอดจนแสดงความเสียใจกับการตัดสินใจที่ “รีบร้อน” ของรัฐบาลทหารมาลี

อนึ่ง การต่อสู้อันดุเดือดนาน 3 วัน เกิดขึ้นทางตอนเหนือของมาลี ใกล้กับชายแดนแอลจีเรีย เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่นำโดยชาวทัวเร็ก อ้างว่าพวกเขาสังหารนักรบรับจ้างของวากเนอร์อย่างน้อย 84 ราย และทหารมาลีอีกอย่างน้อย 47 นาย ขณะที่กองทัพมาลี ยอมรับว่ามีทหารเสียชีวิต “จำนวนมาก” ระหว่างการสู้รบ ทว่าไม่เปิดเผยตัวเลขที่แท้จริงแต่อย่างใด.

เครดิตภาพ : AFP