สับปะรดพันธุ์ “MD2” เป็นสับปะรดที่พัฒนาขึ้นที่ฮาวาย สหรัฐอเมริกา โดยมีคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งภายในและภายนอก เช่น ภายในคือเรื่องของรสชาติที่หวาน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อมีสีเหลืองเข้ม (คล้ายๆ กับสับปะรดพันธุ์ภูเก็ตหรือตราดสีทองบ้านเรา) เนื้อตัน แน่น ไม่เป็นโพรง น้ำหนักผลโดยเฉลี่ย 1.7-1.8 กิโลกรัม จากข้อมูลพบว่ามีวิตามินซีสูงถึง 4 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับสับปะรดพันธุ์อื่นๆ เมื่อทานแล้วไม่กัดลิ้น สามารถทำให้คนทานได้มากขึ้น ภายนอกเมื่อสับปะรดพันธุ์ “MD2” แก่ ผลแก่จะเปลี่ยนจากผิวสีเขียวเป็นสีเหลืองทองทั้งผล ทำให้เป็นที่ดึงดูดลูกค้าเป็นอย่างมากและประสบการณ์การปลูกสับปะรดพันธุ์ “MD2” มาจากที่สวนคุณลีพบว่าสามารถบังคับให้ต้นสับปะรดออกดอกได้ง่ายและมีอายุการเก็บเกี่ยวที่เร็วกว่าพันธุ์ปัตตาเวีย ลักษณะของใบพันธุ์ “MD2” จะมีสีเขียวตลอดทั้งใบ แต่ใบของสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียนั้นจะมีเส้นสีม่วงตรงกลางใบ และจุดเด่นอีกประการของสับปะรดพันธุ์ “MD2” นั้นคือ มันถูกพัฒนามาเพื่อให้เดินทางขนส่งทางเรือได้โดยไม่เป็น “ไส้สีน้ำตาล” เมื่อเปรียบเทียบกับสับปะรดปัตตาเวีย อยู่ในห้องเย็นที่อุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส นานสัก 10 วัน ผลสับปะรดจะเกิดไส้สีน้ำตาลโดยรอบๆ แกนสับปะรด ในขณะที่พันธุ์ “MD2” ไม่เป็น

ซึ่งการขยายพันธุ์สับปะรดมีหลายวิธี คือ การแยกหน่อ, จุก และ ชำเหง้า เป็นต้น โดยเฉพาะการชำเหง้า พอหลังจากเก็บเกี่ยวผลสับปะรดไปแล้ว ก็จะยังคงเหลือเหง้า ก็จะนำเหง้าสับปะรดไปฝังดิน ไม่นานเหง้าก็จะแตกงอกขึ้นมาเป็นต้น พ้นดินขึ้นมา เมื่อหน่อสับปะรดมีขนาดประมาณ 1 คืบมือ หรือมีน้ำหนักหน่อประมาณ 200 กรัม ก็ควรถอนแยกหน่อออกยากปลูกลงแปลงหรือ ชำไว้ในถุงดำเพื่อจะให้ตาข้างของเหง้าได้แตกยอดเป็นต้นใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งแปลงขยายพันธุ์จากเหง้านั้น สามารถเก็บหน่อที่งอกใหม่ได้นานนับปี จึงจะรื้อแปลงขยายพันธุ์ทิ้ง ซึ่งที่เลือกใช้วิธีการขยายพันธุ์จากหน่อ, จุก และ เหง้า นั้น โดยไม่ใช้วิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อขยายจำนวนต้น ให้มีจำนวนมาก เพราะพบว่าต้นพันธุ์สับปะรดมีการกลายพันธุ์สูง อีกอย่างก็สามารถทำได้ง่ายและสะดวก

การปลูกและการดูแลสับปะรด “MD2” สับปะรดพันธุ์ “MD2” นั้นมีการปลูกและดูแลเช่นเดียวกับการปลูกสับปะรดปัตตาเวียในบ้านเราทุกประการ แต่จะต้องมีการเตรียมแปลงที่ดี ควรยกร่องให้สูงให้แปลงมีการระบายน้ำให้ดี เพราะเท่าที่ดูสับปะรดพันธุ์ “MD2” ยังมีจุดอ่อนที่ยังอ่อนแอต่อโรคไฟทอปธอร่าเมื่อเทียบกับพันธุ์ปัตตาเวีย คิดว่าต้องคัดเลือกพันธุ์และต้องอาศัยเวลาในการปรับตัวในสภาพแวดล้อมบ้านเราสักระยะหนึ่ง การเตรียมแปลงปลูกควรทำแปลงยกร่องเหมือนเตรียมแปลงผัก ปรับระดับดินให้มีความลาดเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งให้น้ำระบายไหลจากพื้นที่สูงไหลลงสู่พื้นที่ต่ำ ยกร่องให้สันร่องกว้างประมาณ 60 ซม. เว้นช่องทางเดิน 70 ซม. บนร่องปลูกต้นสับปะรดเป็นแถวคู่ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 30 ซม. และระยะระหว่างแถว 60 ซม.

ในพื้นที่ปลูก 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 8,500 ต้น ซึ่งระยะปลูกระยะนี้จะได้ผลสับปะรดที่ผลอ้วนโต ทรงกระบอกหัวท้ายเท่ากัน ผลมีความสม่ำเสมอ ในแง่ของโรงงานแปรรูปกระป๋องผลสับปะรดจะต้องมีขนาดผลโต ผลมีความสม่ำเสมอ ขนาดหัวท้ายมีขนาดเท่ากัน ซึ่งจะเข้าเครื่องปอกได้ง่าย แต่ถ้าหากปลูกในระยะที่ห่างเกินไปก็จะทำให้ผลสับปะรดอ้วน แต่ปลายผลจะแหลม ซึ่งก็สามารถส่งเข้าโรงงานได้แต่เมื่อเข้าเครื่องปอก มันก็จะเกิดการสูญเสียในส่วนปลายผลที่ถูกตัดทิ้งไป หรือหากต้องการปลูกในระยะที่ถี่มากขึ้นนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการปลูกเพื่อจำหน่ายเป็นสับปะรดผลสดที่ลูกค้าไม่ต้องการขนาดผลที่มีขนาดใหญ่จนเกินไปนั้น เป็นความต้องการของคู่ค้าว่าจะกำหนดลักษณะและน้ำหนักของสับปะรดไว้เช่นไร เมื่อผู้ผลิตรู้ล่วงหน้าก็จะสามารถมาจัดการกับระยะปลูกให้พอเหมาะ หรือท่านที่ไม่มีพื้นที่ก็สามารถปลูกสับปะรดในกระถางหรือถุงดำใบใหญ่หรือวงบ่อฯ ได้