พรรคประชาชนกำลังมีกระแสร้อนแรงในขณะนี้ เว็บไซต์พรรค https://www.peoplespartythailand.org เปิดเผยยอดผู้รับสมัครสมาชิกพรรคตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ส.ค. จนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 42,990 คน ขณะที่พรรคตั้งเป้าหมายรับสมัครสมาชิกให้ได้ 100,000 คน สำหรับยอดรวมเงินบริจาคเข้าพรรค หลังจากแกนนำพรรคประกาศเปิดรับตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีจำนวน 22,498,881 บาท ซึ่งเกินเป้าหมายของพรรคตั้งไว้อยู่ที่ 10 ล้านบาท ซึ่งเป้าหมายคือ “ส้มทั้งแผ่นดิน” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปี พ.ศ. 2570
อย่างไรก็ตาม นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ก็จะยื่น กกต.ยุบพรรคประชาชน ในความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยเขียนในเฟซบุ๊กว่า พรรคประชาชนนำพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลมาเปลี่ยนชื่อพรรค จากการตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ กกต. พบว่าพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลมีสาขาพรรค 3 สาขา ภาคเหนือ 2 สาขา และภาคกลาง 1 สาขา ไม่มีสาขาภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งกฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้ว่า พรรคการเมืองย่อมสิ้นสภาพถ้ามีสาขาพรรคการเมืองเหลือไม่ถึงภาคละ 1 สาขา เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 1 ปี
แต่ก็โดน “ติ่ง” นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน สวนกลับทันควันว่า “นพ.วรงค์ คงไม่ได้อัปเดตข้อมูล ดูเพียงในเว็บไซต์ กกต.ที่ยังไม่ได้มีการอัปเดต พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน มีการจัดตั้งสาขาพรรคครบทั้ง 4 ภาคแน่นอน จากนี้ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการคือจัดทำรายละเอียดการประชุมต่างๆ ทั้งในเรื่องการเปลี่ยนชื่อ โลโก้ คณะกรรมการบริหาร และข้อบังคับพรรคให้ครบถ้วน เพื่อยื่นต่อ กกต.ในวันเปิดทำการวันแรก คือวันอังคารที่ 13 ส.ค.นี้”
“เจ๊เจี๊ยบ” นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า พรรคประชาชนมีสาขาทั้ง 4 ภาค คือภาคเหนือที่ จ.นครสวรรค์ ภาคกลาง จ.ราชบุรี ภาคอีสาน ที่ จ.สกลนคร และภาคใต้ที่ จ.นครศรีธรรมราช ไม่งั้น กกต.คงไม่อนุญาตให้พรรคมีการตั้งกรรมการสรรหา จดแจ้งเปลี่ยนชื่อพรรคและธุรกรรมอื่น ๆ
สำหรับความเคลื่อนไหวในสภา ภายหลังยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งรองประธานสภาคนที่ 1 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ติดบ่วงโดนตัดสิทธิทางการเมืองไปด้วย และต้องเลือกรองประธานสภาใหม่นั้น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานวิปรัฐบาล ยืนยันว่า โควตารองประธานสภาคนที่ 1 เป็นของพรรคภูมิใจไทย และไม่จำเป็นต้องสลับตำแหน่งรองประธานสภา คนที่ 1 กับรองประธานสภา คนที่ 2 ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย เพราะนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 จากพรรคเพื่อไทย ไม่ขอสลับ
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาปรับโควตาตำแหน่งประธานกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ สภาผู้แทนราษฎร ภายหลังจากเสียง สส.ของพรรคประชาชน ลดลง 5 เสียงนั้น ส่วนตัวเห็นว่า จำนวน สส.ของพรรคประชาชนที่หายไป 5 คน ลดลงแค่เล็กน้อย ดูแล้วคงยากที่จะให้มาสลับตำแหน่งกันใหม่ เพราะอัตราส่วนยังคงใกล้เคียงของเดิมอยู่ คงไม่ถึงขั้นมีผลกระทบให้ตำแหน่งประธาน กมธ. สามัญของพรรคประชาชนต้องมาทบทวนกันใหม่ แต่ต้องรอคุยวิป 13 ส.ค.
สิ่งที่ใครๆ สนใจอีกเรื่องหนึ่ง คือ “พรรคเพื่อไทยจะเอาอะไรมาสู้พรรคประชาชนที่กำลังกระแสแรง” นายวิสุทธิ์ชี้ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้รู้สึกหนักใจ แฟนคลับของใครก็ย่อมสนับสนุนพรรคของตัวเอง แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับนโยบายพรรคจะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนมากน้อยแค่ไหน การที่พรรคประชาชนประกาศความเชื่อมั่นจะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวในการเลือกตั้งปี 2570 นั้น ก็ต้องดู ถึงเวลาจะทำได้จริงหรือไม่ เหลือเวลาอีก 3 ปี ยังคาดการณ์อนาคตไม่ได้
แต่พรรคเพื่อไทยมั่นใจในนโยบายและการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน จะทำให้ได้รับความเชื่อมั่นและเสียงตอบรับจากประชาชนในการเลือกตั้งสมัยหน้า โดยเฉพาะขณะนี้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตใกล้จะแจกเงินถึงมือประชาชนในปลายปี 67 ทำให้เสียงตอบรับของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยดีขึ้นมาก รวมถึงราคาพืชผลการเกษตรหลายอย่างก็ดีขึ้น ทำให้คะแนนพรรคเพื่อไทยกลับมาดีขึ้นอย่างมาก
สำหรับตำแหน่ง สส.เขตที่จะว่างลงจากการยุบพรรคก้าวไกล คือ พิษณุโลก เขต 1 นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคเพื่อไทยได้ถามไปยังพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่ามีความพร้อมหรือไม่ เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเขาได้รับคะแนนเสียงเป็นที่ 2 ในพื้นที่ดังกล่าว พรรคเพื่อไทยก็ได้สอบถามไปยังผู้สมัครที่เคยลงสมัครและได้พูดคุยกันแล้วว่าในพื้นที่พร้อมหรือไม่ และพร้อมขนาดไหน แต่ยังไม่ได้คำตอบ
ต่อกันด้วยโพลการเมืองหลังยุบพรรคก้าวไกล สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “สถานการณ์การเมืองไทย ณ วันนี้” สำรวจระหว่างวันที่ 7-9 ส.ค. 2567 กลุ่มตัวอย่าง 1,147 คน เมื่อถามว่า ประชาชนถึงความสนใจข่าวการเมืองในช่วงนี้มากน้อยเพียงใด อันดับ 1 สนใจเพิ่มขึ้น 43.42% อันดับ 2 สนใจเหมือนเดิม 30.43% สนใจลดลง 26.15% เมื่อถามว่าประชาชนสนใจข่าวการเมืองเรื่องใดเป็นพิเศษ อันดับ 1 ยุบพรรคก้าวไกล 75.65% เงินดิจิทัลวอลเล็ต 66.49% นโยบายเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาปากท้องของรัฐบาล 54.71%
เมื่อถามว่า ประชาชนคิดอย่างไรต่อสถานการณ์การเมืองไทย ณ วันนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่ผ่านมา อันดับ 1 แย่ลง 67.57% อันดับ 2 เหมือนเดิม 26.07% ดีขึ้น 6.36% เมื่อถามว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อการทำงานของรัฐบาลเศรษฐามากน้อยเพียงใด อันดับ 1 ไม่ค่อยเชื่อมั่น 63.73% ค่อนข้างเชื่อมั่น 36.27% เมื่อถามว่า ประชาชนคิดอย่างไรกับกระแสข่าวการปรับ ครม. ในช่วงนี้ อันดับ 1 ควรปรับ 55.62% อันดับ 2 ปรับหรือไม่ปรับก็ได้ 35.48% ไม่ควรปรับ 8.90% เมื่อถามว่า คิดว่าทิศทางการเมืองไทยต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร แย่ลง 68.44% เหมือนเดิม 23.89% ดีขึ้น 7.67% ความเบื่อหน่ายทางการเมือง คงมาจากหลายสาเหตุ ทั้งการยุบพรรคก้าวไกล รวมถึงความล่าช้าในการดำเนินนโยบายเรือธง ดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาล นำไปสู่การที่ประชาชนอยากให้ปรับ ครม.