มีความคืบหน้าตามลำดับ สำหรับแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้าไทย แบบไม่ต้องกักตัว โดยในที่ประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิดหรือ (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีความชัดเจน 3 ประเด็นเพื่อรองรับแผนเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย.

(1) ชัดเจนประเด็นแรกที่ประชุม ศบค. ปรับระดับสีจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (แดงเข้ม) ของเดิม 29 ปรับลดเหลือ 23 จังหวัด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ของเดิม 37 ปรับเหลือ 30 จังหวัดและพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) ของเดิม 11 เพิ่มเป็น 24 จังหวัด ส่งผลไปถึงการคลายล็อกกิจการ-กิจกรรมให้คนกลับมาทำมาหากินเพิ่มมากขึ้น

(2) ชัดเจนประเด็นสองที่ประชุม ศบค.อนุมัติ ลดเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) จากเดิมเวลา 22.00-04.00 น. ของใหม่ปรับเป็น 23.00-03.00 น. ตั้งแต่วันที่ 16-31 ต.ค.

จากนั้นวันที่ 1 พ.ย. ศบค.มีแนวโน้มยกเลิกเคอร์ฟิว ให้สอดคล้องกับวันเปิดประเทศ 1 พ.ย.

คู่ขนานกับการอนุมัติมาตรการผ่อนคลายร้านสะดวกซื้อ, ตลาดสด, ตลาดนัด, สนามกีฬา, สวนสาธารณะ, ศูนย์การค้า, โรงภาพยนตร์ เปิดดำเนินการ ได้ถึงเวลา 22.00 น. ส่วนระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทให้รับผู้โดยสารเต็ม 100% ของที่นั่งจากเดิมให้โดยสาร 75%

(3) ชัดเจนประเด็นที่สาม เรื่องรายชื่อกลุ่มประเทศที่เตรียมอนุมัติให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัว ศบค.ใช้หลักเกณฑ์เรื่องมูลค่าทางเศรษฐกิจและความครอบคลุมการฉีดวัคซีน เป็นตัวตัดสิน

โดยเบื้องต้นมีรายชื่อทั้งหมด 38 ประเทศ ที่เข้าเกณฑ์เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไทยแบบไม่ต้องกักตัวแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

“กลุ่มแรก” สหภาพยุโรป (อียู) 24 ประเทศยกตัวอย่าง ออสเตรีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กรีซ, อิตาลี, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส, สเปน เป็นต้น

ในกลุ่มอียู ประเทศที่ มีรายงานติดโควิดมากที่สุดคือฝรั่งเศศ ข้อมูลวันที่ 14 ต.ค. ฝรั่งเศสพบผู้ป่วยรายใหม่ 5,578 คน รวมผู้ป่วยสะสม 7,069,089 คน แต่โดยรวมตัวเลขติดเชื้อรายวันของฝรั่งเศสยังต่ำกว่าไทยที่พบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ย 1 หมื่นคนต่อวัน

“กลุ่มสอง” ประเทศกลุ่มนอร์ดิก 5 ประเทศ ที่อยู่ในโซนยุโรปเหนือ ประกอบด้วยเดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ไอซ์แลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน

กลุ่มนอร์ดิก มีความปลอดภัยสูงอัตราการการติดเชื้อต่ำที่สุดในยุโรป

กลุ่มสาม” ประเทศอื่นๆ 9 ประเทศ ประกอบด้วย อิสราเอล, สวิตเซอร์แลนด์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, อินเดีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และกาตาร์

ในกลุ่มนี้ประเทศที่ต้องจับตาคือ สหรัฐอเมริกา แม้มีอัตราการฉีดวัคซีนอันดับ 3 ของโลก 401 ล้านโด๊ส ครอบคลุม 62% ของประชากรแต่สหรัฐอเมริกา มียอดติดเชื้อรายวัน มากที่สุดในโลกเช่นกัน

ข้อมูล ณ วันที่ 14 ต.ค. สหรัฐอเมริกา พบผู้ป่วยรายใหม่ 99,206 คน มีอัตราติดเชื้อสะสม 45,546,217 คน ขึ้นแท่นประเทศที่ติดเชื้อโควิดสะสมอันดับ 1 ของโลก

การตัดสินใจเปิดประเทศรอบนี้ ผู้มีอำนาจในรัฐบาลทุกคนรู้ดีมาพร้อมความเสี่ยงและเดิมพันสูงมาก หากคุมเชื้อได้เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะช่วยฟื้นวิกฤติเศรษฐกิจ ทว่าในมุมตรงข้ามหากเกิดเชื้อกลายพันธุ์ การระบาดระลอกใหม่สุ่มเสี่ยงหนักกว่าเดิม

นาทีนี้ถึงเวลาที่ทุกคนต้องเสี่ยงร่วมกัน!