นางสาวจิตติมา ศรีถาพร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมการค้าต่างประเทศมีบทบาทภารกิจสำคัญในการอำนวยความสะดวกทางการค้าและผลักดันการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และการค้าผ่านแดนไทยไปยังประเทศที่สาม รวมทั้งส่งเสริมการค้าการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาค ตลอดจนผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จาก FTA นำไปสู่การขยายตัวของการส่งออกของไทยได้อย่างยั่งยืน
กรมฯ ได้เร่งดำเนินงานในการส่งเสริมการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านและผลักดันการค้าชายแดน – ผ่านแดนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย และเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการค้าและการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ปี 2567 – 2570 ที่ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของประเทศไทยให้เป็น 2 ล้านล้านบาทต่อปี ภายในปี 2570 ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและผ่านแดนอย่างใกล้ชิด กรมฯ จึงได้จัดคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 15 – 17 สิงหาคม 2567 เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสงขลา และติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนไทย – มาเลเซีย ณ ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา รวมถึงรับฟังปัญหาและอุปสรรคทางการค้าชายแดนจากผู้ประกอบการในพื้นที่
จังหวัดสงขลาเป็น 1 ใน 10 จังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มีฐานการผลิตที่สำคัญ อาทิ อุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา อาหารทะเล และอิเล็กทรอนิกส์ และมีความพร้อมเรื่องการคมนาคมขนส่งและเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย และมีด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์เป็นประตูเชื่อมการค้าไทยกับประเทศมาเลเซีย รวมทั้งเป็นพื้นที่ภายใต้โครงการความร่วมมือเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย – มาเลเซีย – ไทย (IMT-GT) ทำให้ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์เป็นด่านชายแดนทางบกที่มีมูลค่าการค้าชายแดน – ผ่านแดนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งและอันดับสองของไทย โดยในปี 2566 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสองด่านกว่า 5.69 แสนล้านบาท และเนื่องจากทั้งสองพื้นที่อยู่ใกล้ท่าเรือปีนังและท่าเรือกลางของมาเลเซีย และมีการเชื่อมโยงการรถไฟระหว่างไทย – มาเลเซีย
นอกจากนี้ ในการลงพื้นที่จังหวัดสงขลาครั้งนี้ ยังได้ติดตามความคืบหน้าการให้บริการของศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service : OSS) ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ที่มอบหมายให้กรมฯ เร่งจัดตั้งศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service : OSS) เพื่ออำนวยความสะดวกการค้าชายแดนและผ่านแดน ซึ่งการจัดตั้งศูนย์ OSS จะมีส่วนสำคัญในการช่วยยกระดับศักยภาพของด่านชายแดน และอำนวยความสะดวกทางการค้าชายแดนและผ่านแดนให้แก่ประชาชน ช่วยลดระยะเวลา ลดขั้นตอน และลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและผลักดันมูลค่าการค้าชายแดน – ผ่านแดนให้เป็นไปตามเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ปัจจุบันกรมฯ ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ OSS เรียบร้อยแล้ว โดยนำร่องในจังหวัดที่มีมูลค่าการค้าชายแดนสูง จำนวน 10 แห่ง ใน 8 จังหวัด (เชียงราย ตาก หนองคาย นครพนม มุกดาหาร ตราด อุดรธานี และสงขลา) ซึ่งที่จังหวัดสงขลา ศูนย์ OSS มีจำนวน 2 แห่ง ณ ด่านศุลกากรสะเดาและด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่สามารถมาติดต่อขอรับบริการต่างๆ ได้ ณ จุดเดียว โดยจากสถิติปี 2566 มีจำนวนผู้ใช้บริการศูนย์ OSS ณ ด่านศุลกากรสะเดา รวม 1,278 ราย แบ่งเป็น ด่านศุลกากรสะเดา 520 ราย ด่านอาหารและยา 322 ราย ด่านตรวจประมง 210 ราย ด่านตรวจพืช 71 ราย ด่านกักกันสัตว์ 136 ราย และด่านป่าไม้ 19 ราย และในส่วนด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ มีจำนวนผู้ใช้บริการ รวม 3,756 ราย แบ่งเป็น ศุลกากรปาดังเบซาร์ 289 ราย ด่านอาหารและยา 2,400 ราย ด่านตรวจประมง 210 ราย ด่านตรวจพืช 300 ราย ด่านกักกันสัตว์ 432 ราย ด่านตรวจสัตว์ป่า 114 ราย และด่านป่าไม้ 11 ราย
สำหรับภาพรวมการค้าชายแดนและผ่านแดนไทย–มาเลเซีย ปี 2567 (ม.ค. – มิ.ย.) มีมูลค่าการค้ารวม 296,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก 171,900 ล้านบาท (+8.89%) และการนำเข้า 124,910 ล้านบาท (-9.31%) โดยไทยได้ดุลการค้า 46,990 ล้านบาท
การค้าชายแดนและผ่านแดนของด่านศุลกากรสะเดา ปี 2567 (ม.ค. – มิ.ย.) มีมูลค่าการค้ารวม 214,411 ล้านบาท ลดลง 3.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก 112,761 ล้านบาท (+10.40%) และการนำเข้า 101,650 ล้านบาท (-15.35%) โดยไทยได้ดุลการค้า 11,111 ล้านบาท โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ น้ำยางข้น เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ถุงมือยาง ยางธรรมชาติที่กำหนดไว้ทางเทคนิค แผงวงจรไฟฟ้า ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ไม้แปรรูป แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า ไม้อัด และผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ
ในส่วนการค้าชายแดนและผ่านแดนของด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ ปี 2567 (ม.ค. – มิ.ย.) มีมูลค่าการค้ารวม 78,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก 55,960 ล้านบาท (+7.21%) และการนำเข้า 22,594 ล้านบาท (+39.08%) โดยไทยได้ดุลการค้า 33,365 ล้านบาท โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยางธรรมชาติที่กำหนดไว้ทางเทคนิค ไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ยางแผ่นรมควัน ชั้นที่ 3 ส่วนประกอบและอุปกรณ์อื่น ๆ น้ำยางข้น ส่วนประกอบและอุปกรณ์รถยนต์นั่ง เครื่องตัดต่อและป้องกันวงจรไฟฟ้า ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เครื่องจักรที่ใช้กรองแยกของเหลวหรือก๊าซ
หากผู้ประกอบการมีข้อสงสัยด้านการค้าชายแดนและการค้าต่างประเทศ สามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385 หรือเว็บไซต์ www.dft.go.th