จากกรณีวานนี้ (20 ส.ค. 67) ที่ผ่านมา นายณธัชพงศ์ บุญเกิด หรือทนายกบ ได้พานายมงคล หรือบอล อายุ 21 ปี นายรัตนสรร หรือซอ อายุ 19 ปี นายสิทธิพงศ์ หรือเพชร อายุ 22 ปี นายภูชิต หรือโอม อายุ 23 ปี กลุ่มรุ่นพี่นักศึกษาที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายน้องไตเติ้ล และพ่อในมหาวิทยาลัยได้รับบาดเจ็บ มามอบตัวกับพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยมีการสอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พิมพ์ลายนิ้วมือ ก่อนตำรวจอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวตามสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา เพราะแสดงความบริสุทธิ์ใจขอมอบตัว และไม่มีพฤติการณ์หลบหนี โดยจะมีการนัดมาเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งในวันที่ 2 ก.ย. 67 นี้ ทั้งนี้ทางด้านทนายกบ ได้ปล่อยคลิปเสียง ชายอ้างตัวเป็นรอง ผกก. สภ.บางศรีเมือง ได้โทรฯ มาเรียกรับผลประโยชน์กับทางด้านแฟนสาวของนายเพชร ผู้ก่อเหตุ โดยอ้างว่าถ้าจ่ายเงินแล้วจะจบคดีให้ นั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ส.ค. นายณธัชพงศ์ บุญเกิด หรือทนายกบ พร้อมด้วย น.ส.หยก (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี นำคลิปเสียงชายอ้างตัวเป็นรองผู้กำกับการ สภ.บางศรีเมือง เรียกรับผลประโยชน์จากคดีดังกล่าว เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของเบอร์โทรศัพท์มือถือ
ทนายกบ กล่าวว่า วันนี้ได้พาน้องเจ้าของห้องเช่า ซึ่งเป็นแฟนของน้องเพชร ผู้ก่อเหตุรุมทำร้ายนักศึกษามหาวิทยาลัยปี 1 ตนได้นำหลักฐานเป็นคลิปเสียงเพื่อเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่อ้างเป็น รอง ผกก.สภ.บางศรีเมือง เรียกรับผลประโยชน์พร้อมปิดคดีให้ โดยการกระทำลักษณะนี้จะผิดในเรื่องของการนำข้อมูลเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หากตรวจสอบแล้วเป็นตำรวจก็จะดำเนินการในมาตรา 157 ซึ่งตรงนี้ต้องรอทางพนักงานสอบสวนพิจารณาตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป หลังจากที่ตนได้เผยแพร่คลิปออกไป ทางเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ยังไม่มีการติดต่อกลับมาในเบอร์ของน้องหยก ส่วนนี้ตนยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทนายกบ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนได้เข้าพูดคุยกับทาง ผกก.สภ.บางศรีเมือง ได้ให้ข้อมูลว่าที่โรงพักไม่มีชื่อ รอง ผกก.สุรศักดิ์ ตามที่ผู้โทรฯ แอบอ้าง ทั้งนี้ยังสั่งการให้ลูกน้องเข้าดูแลเรื่องความปลอดภัยของน้องหยก ซึ่งหลายวันที่ผ่านมานี้ น้องหยกมีความกังวลหวาดกลัว ได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน หลังจากตำรวจได้เข้าตรวจค้นภายในห้องและมีภาพนำเสนอข่าวออกไปบางสื่อไม่มีการเบลอหน้า ส่วนนี้ตำรวจก็ได้ชี้แจงทุกอย่างให้น้องหยกกับตนฟังแล้ว วันนี้ต้องขอขอบคุณทางด้าน ผกก.สภ.บางศรีเมือง และท่านรอง ผกก.สส. สภ.บางศรีเมือง ที่ได้ดูแลความปลอดภัย พร้อมชี้แจงทุกเรื่องให้กับตนและน้องหยกมีความสบายใจมากขึ้น
พ.ต.ท.เศรษฐหาญ เศรษฐภากรณ์ รอง ผกก.สส. สภ.บางศรีเมือง กล่าวว่า จริงๆ แล้วตัวของน้องหยก ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้แต่อย่างใด เพียงแค่มีชื่อเป็นเจ้าของห้อง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานให้น้องหยก ช่วยเปิดห้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งทางตัวของน้องหยกเอง ก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับน้องตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ส่วนคนอื่นๆ ที่ตอนนี้เข้าใจน้องผิดไปก็จะได้สบายใจด้วยว่าตัวน้องหยก ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบไปถึงที่ทำงานของตัวน้องหยก หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะช่วยประสานโทรฯ คุยกับทางหัวหน้างานและชี้แจงถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ด้วยตัวเอง
ด้าน พ.ต.อ.สมชาย แจ้งธรรมมา ผกก.สภ.บางศรีเมือง กล่าวชี้แจงในเรื่องประเด็นการเรียกรับเงินว่า จากที่มีคลิปเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรฯ ไปคุยกับทางผู้เสียหายและมีการเรียกรับเงินโดยแอบอ้างชื่อเป็น รองฯ สุรศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจของโรงพักบางศรีเมือง เบื้องต้นได้ทำการตรวจสอบแล้ว ทาง สภ.บางศรีเมือง ไม่มีชื่อคนที่แอบอ้างดังกล่าว ซึ่งที่นี่จะมีรอง ผกก. อยู่ 3 คน และไม่มีชื่อนี้เลย รวมไปถึงได้ทำการตรวจสอบชื่อดังกล่าวจากทุก สภ.ใน จ.นนทบุรี ก็ไม่มี คาดว่าจะเป็นการแอบอ้างหรือไม่ก็เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อที่จะเรียกเงินมากกว่า การกระทำครั้งนี้สร้างความเสื่อมเสียให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวแล้วว่าใครเป็นเจ้าของ ซึ่งตอนนี้อยู่ในกระบวนการขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อาจเปิดเผยข้อมูลในส่วนนี้ได้ เนื่องจากกลัวว่าคนร้ายที่แอบอ้างชื่อดังกล่าวจะไหวตัวทัน ซึ่งในวันนี้ก็ได้มีการประสานให้ทางผู้เสียหายเข้ามาที่โรงพัก และชี้แจงข้อเท็จจริงไปแล้วว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ทางด้านน้องเติ้ล ผู้เสียหาย และพ่อได้เดินทางเข้าสอบปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สภ.บางศรีเมือง โดยงดให้ข้อมูลและปฏิเสธการสัมภาษณ์สื่อมวลชน.