เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้องรอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. ว่าที่ พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงผลการนำกำลังเข้าตรวจสอบคอนโดมิเนียมกลางกรุงเทพฯ ย่านซอยเอกมัย บุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกาหลีใต้ที่มาเช่าห้องพักหรูเป็นฐานปฏิบัติการ
ว่าที่ พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวเกาหลีใต้มาเช่าห้องภายในอาคารหรูย่านเอกมัย ซอย 3 อ้างว่าเปิดเป็นออฟฟิศเงินดิจิตอล แต่มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเป็นแก๊งการพนันออนไลน์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เมื่อมาตรวจสอบก็พบว่า มีชาวเกาหลีเข้าออกห้องที่อยู่บนชั้น 4 เป็นประจำ โดยห้องดังกล่าวติดป้ายไว้ที่หน้าห้องว่า “Content Factory Korea & Thai” เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอเข้าทำการตรวจค้น
จากการตรวจสอบพบว่า ภายในห้องแบ่งออกเป็น 2 ห้อง ห้องแรก มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจำนวน 8 ชุด ส่วนอีกห้องมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจำนวน 12 ชุด และพบชาวเกาหลีใต้ 8 คน กำลังนั่งทำงานอยู่ในลักษณะของการอ้างตัวเป็นนักวิเคราะห์หุ้น เป็นผู้เชี่ยวชาญ โบรกเกอร์ของธนาคารของเกาหลีใต้ และจะหลอกลวงให้เหยื่อมาลงทุนผ่านหน้าเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเลียนแบบเว็บของธนาคารจริง นอกจากนี้ ยังพบโทรศัพท์มือถือจำนวน 17 เครื่องและ iPad จำนวน 4 เครื่อง และภายในห้องยังมีกระดานไวท์บอร์ดที่เอาไว้เขียนข้อมูลหุ้นแต่ละตัว และข้อมูลว่าต้องพูดกับเหยื่อยังไง
จากการสอบถามชาวเกาหลีใต้ทั้ง 8 คน ให้การยอมรับว่า ถูกว่าจ้างให้มาทำงานในประเทศไทย ชักชวนหาลูกค้ามาร่วมลงทุนผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการที่ลูกค้ามาลงทุน เบื้องต้นได้จับกุมดำเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และทำการเพิกถอนวีซ่า ซึ่งจากการประสานกับตำรวจเกาหลีใต้ พบว่าบางคนมีประวัติเคยถูกดำเนินคดีที่เกาหลีใต้ด้วย
สำหรับมูลค่าความเสียหาย กำลังอยู่ระกว่างการสืบสวนร่วมกันกับทางการเกาหลีใต้เพื่อตรวจสอบ เพราะชาวเกาหลีใต้ทั้ง 8 คน ยังไม่ยอมให้การในรายละเอียด แต่จากการตรวจสอบรายชื่อในคอมพิวเตอร์ พบว่ามีข้อมูลของเหยื่อกว่า 1 แสนคนต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 ชุด จึงเชื่อว่าน่าจะมีความเสียหายจำนวนมาก สำหรับรายชื่อต่างๆ พบว่านำมาจากตลาดมืด มีข้อมูลครบทั้งชื่อ เบอร์โทรจำนวนเงินลงทุน และความเสี่ยงต่างๆ
สำหรับสถานที่แห่งนี้ พบว่ากลุ่มชาวเกาหลีใต้ เพิ่งมีการมาทำสัญญาเช่าเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยมีนายจุงฮุน อายุ 26 ปี เป็นหัวหน้าขบวนการ ส่วนคนอื่นๆ ทยอยเดินทางเข้ามา ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว มาพักอยู่รวมกันในสถานที่ใกล้เคียง และทุกวันจะมีรถตู้มารับส่งเพื่อมาทำงานที่นี่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าน่าจะมีกลุ่มขบวนการมากกว่านี้ เพราะมีจำนวนคอมพิวเตอร์เยอะมาก และเชื่อว่าขบวนการนี้น่าจะมีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศอื่นด้วย เพราะพบประวัติกลุ่มผู้ต้องหาว่ามีการเดินทางไปมาในประเทศเพื่อนบ้านด้วย.