เมื่อวันที่ 27 ส.ค. นายชีวะภาพ ชีวะธรรม สว.สายสิ่งแวดล้อม และอดีตหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ให้สัมภาษณ์เรื่องน้ำท่วมพื้นที่ภาคเหนือ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ ว่า ไม่เกินกว่าความคาดหมายที่นักสิ่งแวดล้อมหลายคนทำนายเอาไว้ว่า หากมีฝนตกในปริมาณมาก ติดต่อกันหลายวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ หรือพื้นที่สูง พื้นที่เชิงเขา จะเกิดปัญหาดินสไลด์ ปัญหาน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งเวลานี้ปัญหาดังกล่าวก็เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว ที่ จ.ภูเก็ต ที่เกิดดินสไลด์ มาทับบ้านเรือน และทำคนเสียชีวิตไปถึง 13 คน กับที่กำลังเกิดน้ำท่วมภาคเหนือเวลานี้
“พูดถึง จ.ภูเก็ต ก่อนบริเวณดังกล่าวในอดีตเคยเป็นป่าสมบูรณ์ มีความสมดุลในตัวมันเอง ฝนตกลงมา ป่าก็เป็นเหมือนฟองน้ำคอยดูดซับ แต่ต่อมามีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เกิดขึ้น ทั้งบ้านพักตากอากาศและรีสอร์ท รวมไปถึงพระใหญ่ ที่มองเห็นโดดเด่น อยู่บนเขานาคเกิด ก่อนจะสร้าง ไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้น ไม่ขออนุญาตกรมป่าไม้ ไม่ทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เมื่อไม่ทำอะไรเลย ก็ก่อสร้างกันตามใจชอบ พื้นหญ้า ผืนป่ากลายเป็นคอนกรีต ฝนตกลงมา โดยเฉพาะฝนตกแรงๆ ก็ชะเอาดินพังลงมา พังเป็นแถบๆอย่างที่เห็น ถึงตอนนี้ ไปถามกรมป่าไม้ ที่ดูแลพื้นที่ป่าสงวนป่าเขานาคเกิดลองดูว่า เขาเข้าไปดู เข้าไปทำอะไรบ้างหรือยัง” นายชีวะภาพ กล่าว
นายชีวะภาพ กล่าวว่า ส่วนพื้นที่ภาคเหนือนั้น ก่อนนี้ ทางคณะวนศาสนตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยสำรวจพื้นที่ป่าทั่วประเทศ น่าตกใจมากที่พบว่า 10 ปี ที่ผ่านมา ป่าหายไป 3,200,000 ไร่ นั่นคือ 1 ปี ป่าหายไป เกือบ 3 แสนไร่ เฉลี่ยแล้ว 1 วัน ป่าหายไปเกือบๆ 1 พันไร่ ป่าที่หายไปอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำ 1 เอ คือ เป็นป่าฟองน้ำที่คอยดูดซับน้ำฝนที่ตกลงมา ตัดไม้บนภูเขา น้ำไหลจากภูเขา พร้อมดินโคลน เข้าบ้านผู้คน สูญเสียทรัพย์สิน และชีวิตไปเท่าไร ไม่สามารถประเมินได้ ซึ่งในตอนนี้ เราก็ต้องมานั่งเฝ้าระวังกันว่า เมื่อไรน้ำเหนือจะมาถึงจะต้องระวังอย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการที่ป่าหายไปทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้รายงานสถานการณ์ป่าไม้ของประเทศไทยประจำปี 2566-2567 ดังต่อไปนี้ ผืนป่าของไทยลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี มีการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ถึง 317,819.20 ไร่ จากปี 2565 ที่มีพื้นที่ป่าไม้เหลือ 102,135,974.96 ไร่ หรือ 31.57% ของพื้นที่ประเทศ ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ 101,818,155.76 ไร่ หรือคิดเป็น 31.47% ของพื้นที่ประเทศ ซึ่งมีพื้นที่ป่าไม้ที่ยังคงสภาพไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด 101,627,819.86 ไร่ และพื้นที่อื่นๆ ที่เปลี่ยนสภาพเป็นพื้นที่ป่าไม้อีก 190,335.90 ไร่
สัดส่วนพื้นที่ป่าไม้แบ่งตามรายภูมิภาค มีดังนี้ภาคกลาง มีพื้นที่ป่าไม้ 12,263,466.16 ไร่ หรือ 21.55% ของพื้นที่ภูมิภาค ลดลงจากปี 2565 เท่ากับ 171,143.04 ไร่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ป่าไม้ 15,608,130.07 ไร่ หรือ 14.89% ของพื้นที่ภูมิภาค ลดลงจากปี 2565 เท่ากับ 87,575.79 ไร่
ภาคตะวันออก มีพื้นที่ป่าไม้ 4,703,353.52 ไร่ หรือ 21.82% ของพื้นที่ภูมิภาค ลดลงจากปี 2565 เท่ากับ 7,874.77 ไร่
ภาคตะวันตก มีพื้นที่ป่าไม้ 20,033,806.37 ไร่ หรือ 58.86% ของพื้นที่ภูมิภาค ลดลงจากปี 2565 เท่ากับ 49,667.70 ไร่
ภาคใต้ พื้นที่ป่าไม้ 11,232,880.27 ไร่ หรือ 24.34% ของพื้นที่ภูมิภาค เพิ่มขึ้นจากปี 2565 เท่ากับ 8,395.32 ไร่
ภาคเหนือ มีพื้นที่ป่าไม้ 37,976,519.37 ไร่ หรือ 63.24% ของพื้นที่ภูมิภาค ลดลงจากปี 2565 เท่ากับ 171,143.04 ไร่.