เมื่อวันที่ 28 ส.ค. มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพกลุ่มวัยรุ่นชายประมาณ 3-4 คน มานั่งตกปลาและหว่านแห บริเวณโป๊ะริมน้ำวัดเกาะพญาเจ่ง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยโพสต์ระบุข้อความว่า “วัดเกาะพญาเจ่ง! #ตกปลา! ทอดแห! ได้ด้วยเหรอ…ครับ“
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดเกาะพญาเจ่ง สอบถามพระกมล เฟื่องอักษร พระลูกวัด เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 10 ปี บริเวณด้านหลังวัด จะไม่มีโป๊ะเรือ มีแต่เพียงศาลาวัดตั้งอยู่ริมน้ำ ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่มีใครมานั่งตกปลา หรือหว่านแหกันเยอะขนาดนี้ แต่หลังจากที่มีการสร้างโป๊ะเสร็จ ก็มีคนนอกพื้นที่เดินทางเข้ามาตกปลา จับปลา หว่านแห ทุกเวลาโดยไม่เลือก ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้า ช่วงเย็น หรือกลางคืน คนนอกพื้นที่จะเดินทางเข้ามา ขี่รถจักรยานยนต์ หรือปั่นจักรยาน มาจอดแล้วก็มาตกปลาหาปลากัน บางวันก็กินเหล้าเสียงดัง ทิ้งขยะเกลื่อนโป๊ะ
ซึ่งทางวัดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตักเตือนติดป้ายอภัยทานจำนวน 3 ป้าย บริเวณสะพานก่อนลงโป๊ะ 2 ป้าย และบนโป๊ะ อีก 1 ป้าย แต่ปรากฏว่าป้ายถูกรื้อและหายไป ทางวัดได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้วแต่ก็เงียบ เพราะคนพวกนี้ไม่เกรงกลัว ทำจนชินเหมือนเป็นสันดานไปแล้ว ส่วนมากที่พบเจอก็จะเป็นชาวต่างด้าว ที่จะเข้ามาในช่วงพลบค่ำ
ซึ่งการกระทำลักษณะนี้ บางทีอาจจะทำให้ประชาชนคนอื่นเข้าใจผิดว่า บริเวณโป๊ะริมน้ำของวัดอนุญาตให้ตกปลาได้ เอื้อประโยชน์ให้คนพวกนี้ แต่ทางวัดพูดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว วัดแถวนี้โดนกันหมด เช่น วัดกู้ วัดหงษ์ทอง วัดบางพัง ซึ่งต่อให้ขึ้นป้ายเขตอภัยทานยังไง คนพวกนี้ก็ไม่สนใจ ไม่ละอายต่อบาปกรรม ซึ่งตามหลักความเป็นจริงแล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องฝากถึงคนที่มาตกปลา หว่านแห ในเขตอภัยทาน ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่าต้องมีจิตสำนึก รู้ว่าเป็นเขตอภัยทานจะต้องละเว้น.