จัดเป็นอีกหนึ่งนักแสดงตลกมากความสามารถสำหรับหนุ่ม โก๊ะตี๊ อารามบอย ที่วันนี้จะขอเมาท์เรื่องในอดีตสุดแซ่บระหว่างตัวเองและคุณแม่ รวมถึงเรื่องที่เกือบทะเลาะกันหนักถึงขั้นประกาศไม่เผาผีกับแม่มาแล้ว แถมตอนเด็กๆ บอกว่าเคยเกเร เพราะโดนล้อว่าเป็นตุ๊ด โดยเจ้าตัวมาเล่าหมดเปลือกผ่านรายการคุยแซ่บshow นั่นเอง

โก๊ะตี๋ เผยว่า “กับคุณแม่ตอนนี้ชีวิตของหนูคือแม่ แต่ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้สนิทกันมาก่อน คือตอนเด็กๆ เถียงแม่ ด่าแม่ หนูเกิดมา แม่ไม่รู้ว่าท้อง พอปวดท้องไปหาหมอ หมอบอกว่าจะคลอดแล้ว ตอนแรกปวดท้องคิดว่าเป็นโรคอื่น แม่ก็เลยคลอดแล้ว คลอดออกมาปลาช่อนตัวนึง โลขีดขึ้น และที่สำคัญพี่คลอดที่ต่างจังหวัด เพราะฉะนั้นมันจะไม่มีตู้อบ เมื่อ 40 ปีที่แล้ว แม่เห็นแล้วแหละว่ามันผิดปกติ สมัยก่อนถ้าเป็นอย่างนี้เตรียมตัวเลย เตรียมตัวฝัง แม่เลยบอกว่ายกให้พยาบาล คิดว่าไม่น่ารอด ตอนเด็กๆ คือเหมือนลูกนก ตรงหน้าอกบางเห็นเครื่องในหมดเลย เราเข้าใจความรู้สึกแม่เลย ถ้ายกให้นางพยาบาล อย่าน้อยนางพยาบาลเขาอยู่ที่โรงพยาบาล เขาจะช่วยได้ แม่จะเซ็นให้แล้วนะ ย่ารู้ ทีนี้แม่กับย่าเป็นคู่ไฟต์ติ้งกันอยู่ตั้งแต่ก่อนเราเกิด ปัญหาต่างจังหวัดเลยคือแม่ผัว ลูกสะใภ้ ย่าพี่ไม่ชอบแม่พี่ ด่านู่น ด่านี่ ถ้ามึงอยู่ได้ก็อยู่ไป พี่เลยเกิดมาในกระท่อมปลายนา ที่ย่ากับปู่ให้แค่ 20 ตารางวา แล้วพ่อก็ปลูกบ้านอย่างนั้น สุดท้ายพอย่ารู้ เพราะว่าเวลาพาพี่ไปหาหมอเนี่ย มีมอเตอร์ไซค์ แต่เขาจะมาบอกว่าดวงมันจะยกหลานมึงให้หมอ ย่าไปโรงพยาบาลเลย ด่าแบบเจ็บๆ แสบๆ”

“ตอนเด็ก ย่าจะดูแล และหนูรอดตายเพราะย่า พอย่าเอากลับมาบ้าน แกก็ไม่รู้ เพราะแกไม่ใช่หมอ ทีนี้ตัวเริ่มเขียว ย่าก็ทำใจแล้ว น่าจะไม่รอด ก็เอากระด้ง ธูปเทียน ดอกไม้ มาวาง เตรียมฝังแล้ว นี่ย่าเล่าให้ฟังนะ เสร็จปุ๊บเราก็เริ่มหายใจไม่ค่อยออก ตัวเริ่มเขียว หน้าเริ่มเขียว หนทางสุดท้ายที่อยากจะช่วยหลาน มันหลายใจไม่ออก ย่าก็ไปเอาหอมแดงตำๆ แล้วมาโปะหน้าเรา เพราะว่ามันเหมือนสำลักน้ำคร่ำพรวดออกมา แล้วตัวก็เริ่มกลับมาแดง สุดท้ายรอดเพราะหอมแดง แต่เรื่องย่าสอนให้ด่าแม่ก็มันไม่รักมึง มันอย่าไปเรียกมันว่าแม่ เรียกมันXXเรือง มันไม่รักมึง มันเอามึงไปทิ้งไง ย่าก็ใส่แล้วยิ่งพอโตมาเราดื้อ แม่ก็ตีเรา โดนทุกวัน เราดื้อ พฤติกรรมเราด่าแม่ เราเถียงแม่ ย่าเห็นนะพฤติกรรมนี้ แต่ย่าชอบดิ ย่าสะใจ ก็ย่าเขาไม่ชอบแม่อยู่แล้ว เขาสั่งสอนให้เราเกลียดแม่มาตั้งแต่เด็ก มันก็เลยกลายเป็นว่าพอแม่จะตีปุ๊บเราก็วิ่งเข้าบ้านย่า แม่เคยคิ้วแตกเพราะย่า เราบอกย่าแม่ตีหนู ย่าตำน้ำพริกอยู่เขวี้ยงสากกระเบือใส่แม่ โดนแตกเลย มึงอย่ามาแตะต้องหลานกูนะ มึงออกไปจากบ้านกูเลย”

โก๊ะตี๋ เล่าต่อว่า “ที่ดีกันได้เพราะพอย่าไม่สบาย เราก็ต้องกลับมาอยู่กับแม่ พอกลับมาอยู่กับแม่เราก็รู้ว่าจริงๆ แม่ก็รักเรานะ การกระทำมันก็บอกเรา ตอนนั้นเรามาอยู่กับแม่สองคน พ่อก็มาทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ พี่ชายคนกลางก็ไปฮ่องกง ติดคุกนี่แหละครับ พี่ชายคนโตก็เหมือนมาทำงานที่กรุงเทพฯ เราก็ใช้ชีวิตอยู่กับแม่สองคน แต่เราก็เถียง ดื้อเงียบ พอวันเวลาผ่านไป แม่ก็ค่อยๆ บอกเรา ช่วยสอนเรา เรารู้สึกว่าแม่ทำงานหนักเพื่อครอบครัวมาตลอด คือแม่กับพ่อพี่ไม่เหมือนกัน พ่อพี่เป็นผู้ชายทำกับข้าวเก่ง กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า พอทำงานบ้านเสร็จแล้วค่อยทำงานก่อสร้าง แต่แม่พี่ตื่นตั้งแต่ตี 4 เอาวัวไปล่ามที่แหล่ง ไปเกี่ยวข้าว ไถนา ไปดำข้าว แม่คือทำงานนอกบ้านแบบผู้ชายทั้งหมด แม่พี่ทำเป็นอย่างเดียวคือไข่ต้ม เราก็ได้เห็นแม่ทำงานมาตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา คือแม่ลำบาก ตอนนั้นหลังจากที่เรามาอยู่กับแม่แล้ว เราก็เริ่มหารายได้ พอพ่อไม่อยู่ พี่ไม่อยู่ ก็ไปเล่นลิเก ตอนนั้นประมาณ 8 ขวบ ที่อ่างทอง ญาติทางฝั่งพี่สาวแม่ แล้วลูกของพี่สาวแม่เป็นลิเกอยู่วัดสระแก้ว มีเจ้าของคณะลิเก แม่ก็เลยเอาไปฝากด้วย พอเริ่มเล่นก็ได้วันละ 25 บาท สมัยนั้น 25 บาทถือว่าเยอะนะ แล้วได้รางวัลมา ก็ลำบากกับแม่มา เริ่มซึมซับแล้ว ซึ่งเราชอบร้องเพลงตามวงเหล้า เราก็เหมือนเป็นตู้คาราโอเกะเคลื่อนที่ พอเราเป็นคนกล้าแสดงออก เราก็ไปเล่นลิเกตอนปิดเทอม หลังจากนั้นก็ไปเล่นลิเกทุกศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันธรรมดาไม่เล่น”

“บอกก่อนว่าแม่พูดกับเรา ไม่ใช่เราพูดกับแม่ แม่บอกว่าถ้าเราตายไม่ต้องมาเผากู คือพอเข้าวงการมาแล้วมีอยู่ช่วงนึงที่เราทำงานหนักๆ แล้วดูแลทุกอย่าง ทีนี้พี่ชายคนโตให้แม่มาขอเงินเราจะไปลงทุนทำนู่น ทำนี่ เราก็ให้ไปครั้งแรกก็ 5 หมื่น พอมันยังไม่พอก็ไปอีกแสนนึง เอาไปอีก สองแสน ครั้งล่าสุดแม่มาขอ สามแสน จะไปลงทุนทำอะไรไม่รู้ ซื้อรถตู้ เราก็บอกแม่หนูไม่ได้พิมพ์แบงก์ได้เองเด้อ หนูก็เหนื่อยนะแม่ มันเหมือนเทน้ำลงบ่อทราย แม่มาพูด ขอๆ เพื่อพี่ชายคนโต แม่รักหนูบ้างไหม มันเหมือนจุกๆ อยู่ข้างใน คือสิ่งที่เราทำ เราทำเพื่อครอบครัวของเรา แต่แม่รักพี่ชายคนโต แม่เคยรักหนูบ้างไหม หนูเหนื่อย แม่เคยเห็นใจหนูบ้างไหม วันนึงที่พี่น้อยใจที่สุดคือพี่มาจากต่างจังหวัด แล้วพี่ก็มาทำกับข้าวให้แม่ แม่มาจากต่างจังหวัดกับพี่ชายคนโต พอเสร็จแล้วหนูต้องไปถ่ายรายการ คือเราตื่นตี 5 มาทำกับข้าวให้แม่ แต่แค่พี่ชายคนโตไม่กิน แม่ก็ไม่กิน แม่มันอะไรเนี่ย แม่รักหนูบ้างไหม แม่ก็บอกว่าทำไมมึงถามกูอย่างนี้ ก็หนูอยากรู้ หนูทำเพื่อครอบครัว แม่เคยรู้สึกบ้างไหมว่าหนูเหนื่อย หนูท้อแค่ไหน หนูหาเงินได้ก็จริง แต่หนูไม่ได้ไปขอเขา หนูต้องเอาแรงเราไปแลก ทำไมละ เงินแค่นี้มึงมีมันให้พี่ไม่ได้หรือไง เราบอกว่าให้ได้ แต่มันถมไม่เต็ม แม่ขอหนูมากี่ครั้งแล้วแม่รู้เปล่า แล้วมันเคยเห็นผลอะไรบ้างไหม มึงไม่ต้องเรียกกูว่าแม่ อ่าวแม่ทำไมแม่พูดอย่างนั้น หรือหนูไม่ใช่ลูกแม่ แม่ไม่รักหนูเหรอ แม่ก็ด่าๆ ขอแค่นี้ไม่ให้ นี่บ้านมึงใช่ไหม บ้านมึงกูไม่เหยียบ บอกพี่ชายคนโตกลับเลย เดี๋ยวมันจะเป็นเสนียดจันไรกับบ้านมึง แม่พูดอย่างนี้ แล้วกูตายไม่ต้องมาเผากู ด้วยความที่เราน้อยใจ ด้วยความที่เราอัดอั้นมานาน เราก็แบบโอเค ถ้าแม่พูดแบบนี้ ไม่เป็นไร ปีนึงเต็มๆ ที่พี่ไม่กลับบ้าน ไม่เคยยุ่ง ไม่เคยอะไรเลย”

“พอเหมือนพี่ทำกับแม่อย่างนี้ชีวิตพี่ตกต่ำลงเรื่อยๆ เลย มีปัญหาที่ตัวเอง มีปัญหาที่วงการ ถูกผู้ใหญ่แกล้ง โดนทำร้ายทุกอย่าง จนรู้สึกว่าทำไมชีวิตเราต้องมาเจอแบบนี้ หรือเป็นเพราะว่าเราทำแบบนี้กับแม่มันเลยส่งผลให้ตัวเราเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเราคิดเอง พอโดนทำร้ายมากๆ ขึ้นก็อยากกลับบ้านไปหาแม่ อยากไปกราบเท้าแม่ ก็กลับไปอ่างทอง เราก็กราบแม่ บอกแม่ผมขอโทษ แม่ก็อุ้มเรามากอด แล้วก็ร้องไห้ หนูรักแม่นะ คำว่าแม่ยังไงก็ฆ่าไม่ตาย ขายไม่ได้ ยังไงมันก็คือสายเลือด แม่บอกไม่เป็นไรลูก แล้วก็ร้องไห้ หนูบอกว่าหนูอยากบวชให้แม่ พอเราบวชเสร็จปุ๊บ หลังจากที่พี่บวชชีวิตพี่เปลี่ยนไปเลย เปลี่ยนวิธีคิด เราให้เงินแม่ เราพอใจไหม เราดีใจหรือยัง เราสุขใจไหมที่เราให้แม่ พอเราสุขใจแล้ว แม่จะไปให้ใคร ก็คือความสุขของเขา”