เมื่อวันที่ 28 ส.ค. มีรายงานว่าวานนี้ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายศรชัย ชูวิเชียร เลขาธิการ ป.ป.ช.ภาค 6 พล.ท.จิรวัฒน์ พันธ์สวัสดิ์ ผอ.ศปป.4 กอ.รมน. พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชุดปฏิบัติการฯ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ภาค 6 เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.36 นายอำนาจ พูลยอด ป.อาวุโสฝ่ายปกครองอำเภอเขาค้อ สนธิกำลังรวมกว่า 80 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าต้นน้ำ 3 แห่ง ที่มีการบุกรุก ยึดถือครอบครอง และออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ซึ่งมีทั้งที่ดินในเขตป่าไม้ถาวร และที่ดินราชพัสดุ
แห่งแรกอยู่ในพื้นที่หมู่ 7 ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ได้พบว่ามีการก่อสร้างถนนคอนกรีต ขึ้นไปบนภูเขา เข้าไปในพื้นที่ของเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวรและอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ที่ส่อไปแนวทางที่อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเตรียมสร้างรีสอร์ท ซึ่งมีวิวที่สวยงามเพราะอยู่ใกล้เคียงกับทุ่งกังหันลม แห่งที่สามตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ต.แคมป์สน
แห่งที่สอง พบว่าเป็นพื้นที่ธนารักษ์ หรือราชพัสดุแปลง 896 (20,000 ไร่) ที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่ 10 ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยก่อนหน้าสองวัน ตรงจุดที่ลงตรวจสอบพบว่าได้มีรถแบ๊กโฮ กำลังขุดปรับพื้นที่อยู่บนภูเขา จึงได้บันทึกภาพ และวีดีโอไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1 บี ได้ถูกบุกรุกทำลายเปลี่ยนแปลงสภาพไปจากเดิมอย่างมาก และยังตรวจพบว่าได้มีการนำที่ราชพัสดุไปให้เอกชนสร้างร้านกาแฟ และร้านอาหารบนยอดเขา ทั้งที่สภาพดั้งเดิมยังคงมีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ แต่ได้ถูกทำลายลงไปจนเหลือเพียงต้นไม้เล็กๆบริเวณขอบหน้าผาเท่านั้น
แห่งที่สาม ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการเพิกถอนล่าช้า ทำให้ไม่สามารถป้องกันพื้นที่ป่าต้นน้ำไว้ได้ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการพังทลายของดิน หรืออาจจะเกิดดินสไลด์ ได้เหมือนกับกรณีที่เกิดขึ้นที่ จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณริมหน้าผาใกล้กับวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ซึ่งอยู่ในพื้นที่โครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน้ำก้อน้ำชุน โดยได้เสนอให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดไปแล้วรวม 24 แปลง ขณะนี้เรื่องอยู่ที่กรมที่ดิน ซึ่งทาง ป.ป.ช.และศปป.4 กอ.รมน. จะติดตามและเร่งรัดให้มีการเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกโดยมิชอบโดยด่วนที่สุดต่อไป
โดยขณะลงตรวจสอบพื้นที่จริง นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาฯปปช. ได้โทรศัพท์สายตรงถึงอธิบดีกรมป่าไม้ขอความร่วมมือให้กำชับ จนท.ป่าไม้ในพื้นที่ เร่งตรวจสอบการกระทำความผิดอย่างเคร่งครัด ซึ่งอธิบดีกรมป่าไม้ก็รับปากจะตรวจสอบและกำชับจนท.ป่าไม้ให้ปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบอย่างเคร่งครัดต่อไป หลังตรวจสอบเสร็จแล้วได้มีการกำชับให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัดและหากยังฝ่าฝืนได้กำชับให้แจ้งความดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป.