เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ พรรคเพื่อไทยไม่เอาพรรคพลังประชารัฐร่วมรัฐบาล จะเป็นอย่างไรต่อไป ว่า เรื่องของพรรคพลังประชารัฐไม่เกี่ยวอะไรกับพรรคเพื่อไทย เรื่องของพรรคพลังประชารัฐเกี่ยวกับนายกฯ โดยตรง ในเรื่องที่นายกฯ ได้มีสัญญาประชาคม เสมือนหนึ่งเป็นคำมั่นกับพรรคพลังประชารัฐ แสดงออกต่อสาธารณะอย่างครบถ้วนแล้ว พรรคพลังประชารัฐได้เห็นชอบให้ น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ และ น.ส.แพทองธารได้ให้คำมั่นว่า จะให้พรรคพลังประชารัฐมีที่นั่งใน ครม. ตามสัดส่วนเดิมและตำแหน่งเดิม การที่กล่าวแบบนี้ เพราะหลังจากให้คำมั่นพรรคพลังประชารัฐได้ให้ สส.ไปออกเสียงสนับสนุนให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ ทั้งหมด 30 เสียง อาจจะมีหัวหน้าพรรคคนเดียวที่ติดภารกิจ มีเหตุจำเป็น ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้ทำครบแล้วตามคำมั่นที่นายกฯ ให้ไว้ เราก็ตอบสนองไปโหวตให้เรียบร้อย จึงเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องดำเนินการตามคำมั่นที่ให้ไว้
“ทั้งนี้อยากจะให้ความรู้ทางกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 362 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า บุคคลออกโฆษณาให้คำมั่นว่าจะให้รางวัลแก่ผู้ซึ่งกระทำการอันใด ท่านว่าจำต้องให้รางวัลแก่บุคคลใดๆ ผู้ได้กระทำการอันนั้น แม้ถึงมิใช่ว่าผู้นั้นจะได้กระทำเพราะเห็นแก่รางวัล ซึ่งนายกฯ ให้คำมั่นแล้ว และหลังจากนั้นนายกฯ ก็บอกว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล มีการโฆษณาเผยแพร่ผ่านสื่อ ยืนยันว่าไม่มีอะไรที่เราไปเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย แต่เกี่ยวกับนายกฯ โดยเฉพาะ” นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนที่สื่อมวลชนไปพูดว่าพรรคพลังประชารัฐจะมีปัญหา ขอเรียนว่า พรรคเราสบายมาก หัวหน้าพรรคมีความสุขและมีความเข้มแข็ง แนjวแน่ที่จะดูแลพรรคพลังประชารัฐไปตลอด ไปจนไม่ไหว ดังนั้น เรื่องที่เกิดขึ้น มันเกิดตามนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้พิจารณาในเรื่องนั้นเลย ไม่มีอะไรที่เราต้องเป็นห่วง ที่ท่านควรจะห่วง ควรจะห่วงท่านนายกฯ มากกว่า เพราะการไปให้คำมั่นมาแล้ว ทำครบถ้วนสมบูรณ์แบบนั้นแล้ว และนายกฯ เล่นไม่ปฏิบัติตามคำมั่น วิญญูชนโดยทั่วไปเขาก็จะว่าได้ว่านายกฯ อาจจะมีปัญหา จะโดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ อาจจะขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ สื่อควรไปห่วงนายกฯ มากกว่า เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์เป็นเรื่องสำคัญ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ต้องไปดูกันว่า เจตนารมณ์เพื่อไม่ให้ผู้บริหารขาดคุณธรรม จริยธรรม เข้ามามีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะเป็นคำวินิจฉัยด้วย ยืนยันว่ากำลังพูดตามหลักวิชาการ ไม่ได้ขู่ใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาล แล้วไม่ปรากฏชื่อพรรคพลังประชารัฐและแคนดิเดตรัฐมนตรีที่เสนอไป จะยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคผู้ใหญ่ เราไม่ไปทำอะไรอย่างนั้นหรอก เราเพียงแค่บอกว่าถึงเรื่องราวว่าเป็นเรื่องของคำมั่น คำมั่นไม่ต้องมีสัญญา ไม่ต้องลงรายมือชื่อ เป็นการแสดงเจตนา ตนก็ต้องถามกลับ ระดับนายกฯ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วางบรรทัดฐานไว้ชัดเจนเมื่อไม่กี่วันมานี้ เมื่อมีคำมั่นแล้วไม่ปฏิบัติตามคำมั่น มันก็จะเป็นเรื่องครหา สังคมอาจจะติเตือน แต่พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ไปหวังว่าจะต้องไปเปลี่ยนอะไร ท่านทำไปแล้ว ท่านทำไปเถอะ ทำไปให้มันจบ เพราะพรรคเรามั่นคง พร้อมทำหน้าที่ทุกอย่างเพื่อประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน การทำงานของ สส.ยังมั่นคงสถาพรตลอดไป
“แต่เป็นห่วง ผมอยากจะฝากย้ำอีกครั้ง เป็นห่วงนายกฯ เถอะครับ อย่ามาห่วงพรรคพลังประชารัฐ และย้ำอีกครั้งไปถึงพรรคเพื่อไทย เราไม่ได้ไปเกี่ยวอะไรกับพรรคท่าน ไม่ต้องมามีมติเรื่องอะไรกับเรา เราเกี่ยวกับนายกฯ”
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ห่วงที่สุดคือ สถานะของรัฐบาล ถ้าเริ่มต้นอย่างนี้แล้วจะไปได้สักเท่าไหร่ ส่วนพรรคเรามีความสุข จะได้ทำงานอย่างมีอิสระ อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ประเทศชาติ จะออกเสียงแสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่ สส.เราจะมีความสุขอย่างยิ่ง ไม่ต้องไปมีข้อบังคับ ขีดจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนการไปเป็นฝ่ายค้านนั้น พรรคพลังประชารัฐทำงานตามอุดมการณ์ของตัวเอง ถ้าไม่ตั้งเราก็ไปเป็นฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายค้านเสียหายตรงไหน พรรครัฐบาลตอนนี้ก็เป็นอดีตฝ่ายค้าน ไปอยู่ร่วมกับนายกฯ ซึ่งยังไม่ทันไรก็มีปัญหาเรื่องคำมั่น ปฏิบัติไม่ได้แล้ว หากไปอยู่ด้วย พรรคเสียชื่อ ประชาชนจะมองเราในด้านไม่ดี ส่วนตัวดีใจที่ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับท่าน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า คนบ้านป่ามีคลิปวิดีโอของคนบ้านจันทร์ฯ ในวันเรียกรัฐมนตรีหารือ หลังนายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่ง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายไพบูลย์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า “ไม่ทราบ และถึงจะทราบก็ไม่รู้จะบอกทำไม ดังนั้น ตอนนี้ถือว่าไม่ทราบแล้วกัน”
เมื่อถามว่า หากมีคลิปจริงจะถือเป็นหลักฐานเด็ดเรื่องครอบงำพรรคหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวย้ำว่า ไม่ทราบ ในเรื่องต่างๆ มันไม่ได้มีแค่เรื่องนี้หรอก
เมื่อถามอีกว่า มีหลักฐานหลายเรื่องใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ อ้างว่าแค่ดูจากสื่อสารมวลชน เรื่องเยอะแยะไปหมด.