เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว พร้อมด้วย น.ส.อาภาพัชร์ วงศ์ชนะวัฒนา อายุ 45 ปี นายอดิเรก ด้วงแค อายุ 51 ปี พ่อเเละเเม่ ของนายวชิรพงศ์ ด้วงแค อายุ 26 ปี ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้นำโลงศพเปล่าพร้อมรูปถ่ายตั้งหน้างานศพของนายวชิรพงศ์ เดินทางมายังโรงพัก สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี หลังเวลาล่วงเลยผ่านมาใกล้จะครบ 100 วันแล้ว แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยผู้ก่อเหตุยังไม่ถูกนำตัวส่งฟ้องศาล ซึ่งทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากในใบชันสูตรศพของนายวชิรพงศ์ ถูกระบุว่าเป็นเหตุปืนลั่น จึงทำให้เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งๆ ที่ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ได้ว่าผู้ต้องหาเล็งปืนไปทางลูกชายก่อนจะมีเสียงปืนตามมาซึ่งทางครอบครัวมองว่าเป็นการเจตนาตั้งใจยิง
สืบเนื่องจากวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 17.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านพักหลังหนึ่ง หมู่ 3 ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยที่เกิดเหตุพบร่างของนายวชิรพงศ์ ด้วงแค อายุ 26 ปี ถูกยิงเสียชีวิต หลังจากเป็นคนกลางพยายามเข้าไปห้ามเหตุทะเลาะวิวาทกันระหว่างนายธีระเดช อายุ 42 ปี กับนายดุลยวิทย์ อายุ 43 ปี รุ่นพี่ที่รู้จักทั้งสองฝ่าย แต่เกิดมีเรื่องเขม่นกันในงานบวชที่วัดสะพานสูง เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง ต่อมาทั้งสองฝ่ายได้นัดเคลียร์ปัญหากันที่บ้านที่เกิดเหตุ โดยระหว่างพูดคุยกันนายธีรเดชได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงขึ้นฟ้า 1 นัด ก่อนจะใช้ด้ามปืนตีไปที่บริเวณศีรษะของนายดุลยวิทย์ จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนายวชิรพงศ์ เห็นเหตุการณ์จึงพยายามเข้าไปช่วยห้าม แต่กลับถูกอาวุธปืนยิงใส่ร่าง 1 นัดจนล้มฟุบไปกับพื้น หลังเกิดเหตุนายธีรเดช คนก่อเหตุ ได้พาคนเจ็บทั้ง 2 ราย ส่งโรงพยาบาลปากเกร็ด 2 เพื่อช่วยเหลือ แต่นายวชิรพงศ์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมตัวนายธีรเดช พร้อมของกลางอาวุปืน ขนาด 11 มม. พร้อมกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง
น.ส.อาภาพัชร์ มารดานายวชิรพงศ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเหตุปืนลั่น ซึ่งลูกชายตนถูกยิงกระสุนเข้าหัวใจถูกตับและปอด ทำให้ต้องเก็บร่างของลูกชายไว้ในโลงศพเพื่อรอผลชันสูตร เพราะเป็นความหวังสุดท้ายของครอบครัว แต่พอผลชันสูตรออกมาแบบนี้ รู้สึกว่ากำลังหมดหนทางต่อสู้คดีให้ลูกชาย ตนยังเก็บร่างของลูกชายเอาไว้ยังไม่ได้เผาศพ ผ่านมา 3 เดือนกว่าแล้ว หลังเกิดเหตุทางคู่กรณีไม่เคยแม้แต่เอ่ยคำขอโทษกับครอบครัวสักคำ แต่กลับโพสต์เฟซบุ๊กกินดีอยู่ดี มีความสุขทุกวัน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ครอบครัวของตนเป็นฝ่ายที่สูญเสีย
น.ส.อาภาพัชร์ กล่าวต่อว่า วันนี้หลังจากได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังไม่ได้ไว้ใจจนกว่าจะมีการนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าวันจันทร์นี้จะนำตัวผู้ต้องหารายนี้พร้อมสำนวนการสอบสวนส่งให้อัยการจังหวัดพิจารณาต่อไป โดยทางครอบครัวพร้อมที่จะเดินทางไปเพื่อคัดค้านการประกันตัวในชั้นอัยการ
ด้าน พ.ต.ท.ธีรพงศ์ ประจักษ์จิตร์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ ชี้แจงว่า หลังผลการชันสูตรของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ออกมาระบุว่า ผู้ตายถูกกระสุนปืนยิงทะลุผ่านหัวใจ 1 นัด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ผลชันสูตรมาแล้วจึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดและแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา พยายามฆ่า ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และพกพาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็น 4 ข้อหาหนักในการดำเนินคดี นอกจากนี้ยังแจ้งข้อกล่าวหากับนายบุญรอด บุคคลที่ช่วยล้างคราบเลือดในที่เกิดเหตุและนำปลอกกระสุนปืนไปทิ้งน้ำ ในข้อหา ช่วยผู้อื่นไม่ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด โดยในสัปดาห์หน้าจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนส่งอัยการจังหวัดนนทบุรี เพื่อทำการส่งฟ้องศาลจังหวัดนนทบุรีต่อไป