เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางธนาพร อนุไวยา อายุ 58 ปี ชาวบ้านบ้านสวาย หมู่ 8 ต.ราม อ.เมืองที จ.สุรินทร์ พร้อมกับคณะกรรมการหมู่บ้านรวม 10 คน ระบุว่าเมื่อเร็วๆ นี้ ตนเองกับพวกได้ทำหนังสือร้องไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2567 เนื่องจากพื้นที่หมู่ 8 บ้านสวาย มีนายทุนเข้าไปทำการตัดต้นไม้และขุดดินโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อบต. และไม่ได้มีการขออนุญาตให้ผู้ใหญ่บ้าน และได้นำเรื่องดังกล่าวให้ผู้ใหญ่บ้านจัดการประชุมประชาคมเรื่องการตัดต้นไม้ขุดดินและทำหนังสือสัญญาที่ได้ทำการประชุมประชาคมถึงเรื่องการจัดตั้งตลาดโคกระบือ เนื้อหาสัญญาเข้าไปรับรู้ถึงหนังสือสัญญาถึงการขอใช้พื้นที่สัญญาเช่าที่ในพื้นที่ โดยจะจัดให้มีการประชุม และการปล่อยปละละเลยให้มีการขุดดินตัดต้นไม้ในพื้นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ว่าทำถูกต้องหรือไม่อย่างไร แต่ไม่มีการดำเนินการอะไร จึงทำหนังสือร้องถึงสื่อมวลชนในพื้นที่ ให้เข้าไปตรวจสอบดังกล่าว
นายยง อนุไวยา อายุ 57 ปี กล่าวว่า อดีตนายก อบต.ราม ได้จัดทำการประชุมประชาคมขอใช้พื้นที่เลี้ยงสัตว์ 15 ไร่ เพื่อทำตลาดนัดประชารัฐและตลาดนัดโคกระบือ เพื่อให้พี่น้องชาวเกษตรกรของหมู่บ้านในพื้นที่ ได้นำสินค้าต่างๆ เข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ และให้ชาวบ้านและชุมชนนำสินค้ามาวางขายในกรณีพิเศษกว่าที่อื่น ซึ่งเป็นแนวความคิดที่ดีที่ประชาชนในพื้นที่จะมีรายได้เข้าสู่หมู่บ้าน ตลอดจนคนในพื้นที่จะไม่ต้องเดินทางไปใช้แรงงานที่อื่น และทุกคนต่างดีใจจะได้นำสินค้ามาวางขายในพื้นที่ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ทุกวันนี้ไม่มีชาวบ้านคนไหนเข้าไปจำหน่ายสินค้าโอทอป หรือแม้แต่น้ำขวดเดียวก็ยังนำเข้าไปขายไม่ได้ เพราะผู้จัดการตลาดนัดห้ามนำสิ่งของมาขายในพื้นที่ โดยอ้างเหตุผลว่ากีดขวางทางเข้าออก ประกอบกับวัวควายที่นำมาจากต่างถิ่นมีจำนวนมาก
กระทั่งเมื่อเดือน มิ.ย. 67 ที่ผ่านมา ได้พบกับกลุ่มนายทุน ได้ใช้รถแบ๊กโฮเข้ามาขุดดินและตัดต้นไม้ภายในบริเวณพื้นที่ป่าทำเลเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ที่ชาวบ้านได้ใช้ร่วมกัน โดยรถแบ๊กโฮขุดและนำดินออกไปถมข้างนอกบริเวณที่กำหนดว่าขอใช้พื้นที่ 15 ไร่ แต่กลับขยายออกไปถึง 30 กว่าไร่ ตลอดจนได้ทำการบุกรุกทำลายป่า โดยมีการตัดต้นไม้ภายในป่าออกไปจนโล่งเตียน และขุดดินตอนกลางคืน นำดินออกไปข้างนอก ซึ่งตนเองและชาวบ้านต่างได้พากันถ่ายคลิปเอาไว้ ทั้งภาพนิ่งและภาพขยาย
หลังจากที่กลุ่มนายทุนได้พากันขุดดินและทำลายป่าอยู่นั้น ชาวบ้านได้ทำหนังสือถึงผู้ใหญ่บ้านและกำนันตำบลราม ว่าให้ผู้ใหญ่บ้านทำการประชุมประชาคมให้ชาวบ้านได้รับทราบ แต่เนื่องจากว่าพูดไปก็สองไพเบี้ย ไม่ดำเนินการอะไรเลย จึงได้พากันทำหนังสือร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้ออกมาตรวจสอบกับเรื่องดังกล่าว หลังจากนั้นให้ทาง อบต.ราม เข้าไปแจ้งความเอาผิดกับกลุ่มนายทุนที่พากันเข้าไปบุกรุกทำลายป่า ตัดไม้ต้นใหญ่ออกมาทำคอกวัว และขุดดินในที่สาธารณประโยชน์ที่ สภ.เมืองที เรื่องกลับหายเข้ากลีบเมฆและไม่มีอะไรคืบหน้า จนกระทั่งล่าสุดบรรดานายทุนได้นำรถแบ๊กโฮที่จอดเอาไว้ ขนเข้ากลับบ้านเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นางสุทัศน์ ภาคภูมิ พร้อมชาวบ้าน ยังได้พานักข่าวลงไปตรวจสอบในพื้นที่ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 75 ไร่ 32 งาน 7 ตารางวา โดยหนังสือสำคัญหลวงอาศัยอำนาจมาตรา 8 ตรี แห่งประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมท้ายประกาศกระทรวงคณะปฏิวัติฉบับที่ 334 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2515 อธิบดีกรมที่ดินออกหนังสือสำคัญฉบับนี้ เพื่อแสดงเขตของที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทเมืองให้ใช้ร่วมกัน ซึ่งตั้งอยู่บ้านสวายหมู่ 8 ต.ราม อ.เมืองสุรินทร์ และอยู่ในความดูแลรักษาของกระทรวงมหาดไทย (ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์) ป่าสวายสาธารณประโยชน์
จากการลงตรวจสอบในพื้นที่ก็พบว่ามีการลักลอบขุดดินและมีการตัดต้นไม้ออกไปจนโล่งเตียน ตลอดจนการบุกรุกที่ดินที่เคยทำประชาคมให้อนุญาตทำเพียง 15 ไร่ กลับขยายออกมาอีกประมาณ 30 กว่าไร่ และตามที่ตกลงและทำประชาคมเอาไว้ ชาวบ้านในพื้นที่ก็ไม่มีคนนำสินค้าออกไปจำหน่ายวางขาย เหมือนกับที่ทำประชาคมเอาไว้ ซึ่งชาวบ้านเองก็อยากจะทำประชาคมใหม่ และสอบถามความคิดเห็น ก็มีคนออกมาข่มขู่ไม่ให้ออกมาและห้ามนำสินค้าออกมาจำหน่ายในพื้นที่ตลาดนัดโคกระบืออีกด้วย ในเมื่อครั้งทำประชาคม จะให้คนภายในหมู่บ้านจัดนำสิ่งของออกมาขายได้ในกรณีพิเศษ ท้ายสุดแล้วไม่มีการดำเนินการอะไร ซึ่งมันผิดกับการประชาคมในครั้งเมื่ออยากได้
ซึ่งทางชาวบ้านเองก็ยังได้แจ้งไปยังทาง อบต.ราม ให้ไปแจ้งความเอาผิดกับคนที่บุกรุกที่ดินโดยการนำแบ๊กโฮมาขุดดินและนำดินออกไปขาย ซึ่งได้ไปแจ้งความเอาไว้แล้วที่ สภ.เมืองที แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า และยังทำหนังสือแจ้งไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ก็ไม่เห็นมีอะไร จึงได้เข้าร้องกับผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ประจำจังหวัดสุรินทร์ ช่วยดำเนินการให้ที เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านไม่ได้รับผลประโยชน์จากการที่อ้างว่าจะเปิดเป็นตลาดประชารัฐสุขใจ แต่กลับทุกวันนี้ชาวบ้านทุกข์ใจหนักยิ่งกว่าเดิม