“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” และ “บล.กสิกรไทย” รายงานทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยเข้าสู่โหมดพักฐาน หลังปรับตัวขึ้นติดต่อกันหลายวันทำการ
หุ้นไทยดีดตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ นำโดย หุ้นวัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก โดยมีแรงหนุนจากการคาดการณ์เรื่องการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด และรายงานข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าของกองทุนวายุภักษ์ ก่อนจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบจนถึงช่วงกลางสัปดาห์หลังจากปรับตัวขึ้นติดต่อกันมา 7 วันทำการ และตลาดตอบรับปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว
หุ้นไทยย่อตัวลงต่อเนื่องในเวลาต่อมาตามแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยเป็นการเทขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อน MSCI Rebalance ที่มีผลในวันที่ 30 ส.ค. นี้ นำโดย หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ รายหนึ่งที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด อย่างไรก็ดี หุ้นไทยขยับขึ้นได้เล็กน้อยช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาคขานรับตัวเลขจีดีพีสหรัฐ ไตรมาส 2/2567 ที่ออกมาดีกว่าคาด
ในวันศุกร์ที่ 30 ส.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,359.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.31% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,890.75 ล้านบาท ลดลง 9.22% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.59% มาปิดที่ระดับ 327.47 จุด
สัปดาห์ถัดไป (2-6 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,340 และ 1,330 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,375 และ 1,385 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ส.ค. ของไทย ประเด็นการเมืองในประเทศ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือน ส.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือน ส.ค. ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซน และอังกฤษ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ก.ค. ของยูโรโซน