เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ (KICE) จ.ขอนแก่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปราศรัยแสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่ง ว่า ก่อนโค้งสุดหายของการหาเสียงเลือกตั้ง ตนสัญญาว่าจะเว้าอีสานให้ได้ เพราะเป็นหนี้บุญคุณคนอีสาน ตนแจ้งเกิดจากการเป็นนักการเมือง ที่ จ.สกลนคร ที่ได้พบปะกับพี่น้องชาวนา และนำไปอภิปรายเรื่องทฤษฎีกระดุม 5 เม็ด โดยวันนี้ตนกลับมาอีสานจะขอพูดจากใจ 3 เรื่องคือ 1. ก้าวไกลสัญจร ตั้งแต่ปิดสภาฯ ตนเดินทางกว่า 3,000 กม. จากเหนือสุดจนใต้สุด ตนไม่เคยเจอไตรวิกฤติอะไรอย่างนี้ คือ เศรษฐกิจ โควิด-19 และภัยพิบัติ เมื่อตนได้ลงพื้นที่ ก็รู้สึกเหนื่อยใจ แต่ฮึกเหิม โบราณบอกว่าเรียกว่า หวานขม คือ รู้สึกเหนื่อยใจกับการบริหารวิกฤติโควิด-19 ของรัฐบาล เมื่อไปเจอพี่น้องเกษตรกร พวกเขาช้ำใจกับภาวะน้ำท่วมน้ำแล้ง ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ขณะที่ปุ๋ยแพง แต่ตนก็ฮึกเหิม ที่ได้เดินทางกับเพื่อนร่วมขบวนทุกคน ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ที่มีใจที่จะสู้ไปด้วยกัน เพื่อทำให้บ้านเกิดของเขาได้รับการแก้ปัญหา โดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของเรา จะไม่ยอมแพ้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย สิ่งนี้ช่วยเติมพลังให้ตนมาทำงานการเมือง เมื่อสภาเปิดในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ตนจะนำสิ่งที่ได้พบไปพูดในสภาฯ ด้วยตัวเอง
นายพิธา กล่าวว่า 2.วิถีก้าวไกล เมื่อเราเดินทางเราก็เห็นปัญหามากมาย ทั้งปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เราก็จะนำเทคโนโลยีเข้ามาแก้ปัญหา สำหรับประเทศไทยที่ต้องคำสาปห้ามพัฒนา เราจะต้องมียูนิคอร์น เหมือนประเทศอื่นมี โดยการนำเทคโนโลยีมาใส่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกพรรคการเมืองพูด แต่สิ่งที่ทำให้พรรคก้าวไกล ต่างจากพรรคอื่นคือ เรารู้ว่าการจะสร้างยูนิคอร์นอย่างไร สิ่งที่พรรคก้าวไกลต่างจากพรรคอื่น คือเรารู้ว่าสัตว์ 2 ตัวที่เป็นคำสาป นั่นคือ ช้าง และเสือ ที่ห้ามไม่ให้ประเทศเราพัฒนา ดังนั้น เราต้องชนกับช้างที่เป็นรัฐราชการรวมศูนย์ ตัวอ้วนอุ้ยอ้าย เขียนนโยบายอยู่ในห้องแอร์ และเราต้องสู้กับเสือนอนกินระบอบปรสิตที่กัดกินประเทศไทย คือ นายทุนผูกขาด และนักการเมืองท้องถิ่น พรรคก้าวไกล จะใช้วิถีก้าวไกล กับทุกเรื่อง ตอนนี้เป็นฉันทามติไปแล้วว่า อะไรที่ส่งต่อประเทศไทยมา 40 ปี ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และการศึกษา จะส่งต่อไปในประเทศนี้อีกไม่ได้แล้ว นี่เป็นเรื่องของโครงสร้างอำนาจ หากไม่พูดประเทศจะไม่เปลี่ยนแปลง พรรคก้าวไกลจะสู้กับช้าง และชนกับเสือ เราจะชนะระบอบนี้และชนะเลือกตั้งได้ อยู่ที่ทัศนคติ เราทุกคนต้องมีทัศนคติ เหมือนราชสีห์ ที่ไม่ใหญ่เท่ากับช้าง ไม่เร็วเท่ากับเสือ ไม่ฉลาดเท่าลิง แต่มีความสุภาพและเข้มแข็ง ทำงานเข้าไปอยู่ในใจประชาชน ไม่ใช่อยู่บนหัวของประชาชนจึงจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้
นายพิธา กล่าวว่า 3.การเดินทางไกล ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่คงรู้อยู่แล้วว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางไกล และไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแน่นอน แต่การเดินทางไกลครั้งนี้ไม่โดดเดี่ยว เพราะไม่ใช่การเดินทางของตนคนเดียว แต่เป็นการเดินทางของคนธรรมดาทุกคนที่ถูกกดขี่จากความอยุติธรรมในประเทศนี้ เป็นการเดินทางไกลที่ต้องเติมพลังให้กันและกัน ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อเราเริ่มเดินแล้วห้ามหยุดเดิน และไม่มีครั้งไหน เวลาไหนที่เราเดินมาได้ไกลขนาดนี้ ระบบรัฐสภาไทยไม่เคยมีการพูดถึง หรืออภิปรายที่สั่นสะเทือนขนาดนี้ เราเป็นพรรคมวลชนที่มีสมาชิกขับเคลื่อนมาไกลแล้ว สุดท้ายแพ้กี่ครั้งไม่เป็นไร ชนะครั้งเดียวพอแล้ว แล้วประเทศไทยจะเปลี่ยนไป.