น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสายสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่จะเปิดให้บริการเดือนธ.ค.นี้ โดย คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) รายงานว่า ได้กำหนดแนวทางสำหรับการดำเนินการในระยะเร่งด่วนและระยะยาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งและการอำนวยความสะดวกด้านศุลกากร เชื่อมต่อการขนส่งสินค้าและการเดินทางระหว่างจีน-ลาว-ไทย พร้อมรับโอกาสทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นอีกมาก อีกทั้งจะต่อยอดโครงการด้านอื่นๆ ใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาค

ทั้งนี้  กรอบแนวทางการพัฒนาในระยะเร่งด่วนที่ให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 64 ได้แก่ 1. การบริหารจัดการการใช้บริการสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1 ร่วมกับการบริหารจัดการการใช้ทางรถไฟ โดยเพิ่มความถี่การเดินรถไฟและใช้หัวลาก 15 ตันต่อเพลา รวมทั้งได้จัดเวลาการเดินรถไฟใหม่ ให้มีความเหมาะสมและลดความแออัด 2. การจัดเตรียมความพร้อมในด้านกระบวนการและพิธีการศุลกากร ทั้งในด้านอัตรากำลังและอุปกรณ์ต่าง ๆ จัดซื้อระบบตรวจสอบตู้สินค้าด้วยเอกซเรย์แบบเคลื่อนที่ การปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ อนุมัติกรมรองรับพิธีการทางรถไฟทุกรูปแบบ 3. การพัฒนาบริเวณพื้นที่หนองสองห้อง เป็นจุดพักคอยของรถบรรทุกสินค้าขาออกบนพื้นที่ประมาณ 50 ไร่

4. การพัฒนาพื้นที่สถานีรถไฟหนองคายให้เป็นพื้นที่ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าขาเข้าและปรับพื้นที่ เพื่อตั้งเป็นโรงพักสินค้า เพื่อจัดเก็บตรวจปล่อยพิธีการศุลกากรในระยะเร่งด่วน 5. การผ่อนผันการใช้ช่องทางเข้าในราชอาณาจักร เฉพาะการขนส่งสินค้า ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1 และช่องทางจุดผ่านแดนถาวรสถานีรถไฟหนองคาย และ 6. การขยายพื้นที่ในการอำนวยความสะดวกด้านพิธีการเข้าเมือง จากการดำเนินการนี้ จะสามารถรองรับปริมาณสินค้าที่จะเพิ่มสูงขึ้น 354ตู้/วัน  มีขีดความสามารถรองรับรถบรรทุกหมุนเวียนสินค้าเข้า-ออกดำเนินพิธีการศุลกากร 650 คัน/วัน การตรวจลงตราได้ 3,600 คน/วัน

ส่วนการดำเนินการระยะยาว จะประกอบด้วย การเร่งเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟ จีน-ลาว-ไทย ให้สมบูรณ์ การก่อสร้างสะพานแห่งใหม่สำหรับการขนส่งระบบราง การพัฒนาศูนย์ขนถ่ายสินค้านาทา จ.หนองคาย การเตรียมพร้อมผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ โดยนายกฯ ยังมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันการเจรจาสิทธิประโยชน์และมาตรการการค้าระหว่างจีน ลาว ไทย ขณะเดียวกันก็เร่งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอี ท้องถิ่นได้ใช้ประโยชน์จากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าความเร็วสูงในการส่งออกสินค้าไปจีนและลาวเพิ่มมากขึ้น ทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค และโดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตรของไทย เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้มูลค่าการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนของไทยเพิ่มสูงขึ้นด้วย