เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า การขนย้ายสารเคมีที่ตกค้างจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซอย 21 ถนนกิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ว่าขณะเจ้าหน้าที่ของ บริษัท มหาชนจำกัด อัคคีปราการ จะเข้าทำการเคลื่อนย้ายสารเคมี สไตรีน ซึ่งยังหลงเหลืออยู่ในถังบรรจุขนาดใหญ่ไปทำลาย จำนวน 6 แสนลิตรนั้น ได้จัดส่งผู้ชำนาญการ เข้าดูหน้างานและจัดเตรียมสถานที่เพื่อทำการเคลื่อนย้ายสารอันตรายดังกล่าว ออกไปทำลาย ขณะที่ทางบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล ได้นำรถแม็กโคร มาทำการเคลียร์เส้นทางซากประหลักหักพังออกจากพื้นที่ เพื่อเคลียร์ทางให้รถโอโซนแทงก์ ขนาดความจุ 24 คิว ที่จะเข้าไปทำการถ่ายสารเคมีดังกล่าวนำไปทำลายเข้าไปประชิดตัวถังได้ให้มากที่สุด โดยได้มีนำทรายจำนวนมาก มาเทปรับพื้นทำทางเข้าไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทมหาชนจำกัด อัคคีปราการ เข้ามาตรวจสอบแล้วทรายที่นำมาปรับเป็นเส้นทางเข้าออกของรถโอโซนแทงก์ไม่สามารถรองรับน้ำหนักของรถโอโซน แทงก์ได้ หลังจากเข้าไปโหลดสารเคมีดังกล่าวเข้าแท้งแล้ว ในวันนี้จึงจำเป็นต้องยุติกระขบวนการเคลื่อนย้ายสารเคมีดังกล่าวเอาไว้ และในคืนนี้ทางบริษัท หมิงตี้ จะเข้าดำเนินการปรับเส้นทางเข้าอีกครั้ง เพื่อให้รองรับน้ำหนักของตัวรถและน้ำหนักของสารเคมีที่ถูกโหลดเข้าในแทงก์บรรจุแล้วได้ หรืออาจมีการปรับแผนในแผ่นเหล็กเข้ามาปูทับเพื่อรองรับน้ำหนักของตัวรถและสารเคมี ซึ่งได้มีการนำรถโฮโซ แท้ง เข้ามาทดสอบการวิ่งเข้าออกด้วย

ด้านนาย ศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท มหาชนจำกัดอัคคีปราการ เปิดเผยว่า เส้นทางที่เตรียมไว้ในการปฏิบัติการขนย้ายสารเคมีสไตรีนที่อยู่ในถังกักเก็บในวันนี้ต้องถูกยกเลิก เนื่องจากเมื่อช่วงเช้ามีฝนตกหนักมาในพื้นที่ ทำให้พื้นที่ที่รถจะมาขนถ่ายไม่แข็งแรง ทางเรากลัวว่าถ้ารถรับน้ำหนักแล้วออกมาพื้นทรุดก็จะเกิดปัญหาตามมา ส่วนเส้นทางที่จะเข้าไปนำสารเคมี นั้นมันมีระยะทางที่สั้นเกินไป อยากจะให้ข้าไปได้ใกล้กว่านี้เพื่อความปลอดภัย เพราะฉะนั้นวันนี้อาจจะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่เตรียมทำทางเพิ่มขึ้นตัดทางใหม่ให้เข้าไปใกล้มากขึ้น และ ส่วนของอากาศ ฟ้า ฝน และมืดเร็วกว่าปกติ ดูแล้วถ้าปฏิบัติภารกิจไปก็ทำได้แค่ประมาณครึ่งชั่วโมง มันก็จะติดขัดกันมากเข้าไปอีก โดยในคืนนี้และพรุ่งนี้เช้า (10 ก.ค.) จะเคลียร์ทางให้เสร็จเรียบร้อยแล้วถึงเริ่มภารกิจใหม่ โดยที่เราเตรียมอุปกรณ์มาพร้อมแล้ว และจะเริ่มปฏิบัติการต่อในวันพรุ่งนี้ ( 1 ก.ค.) เวลาประมาณ 09.00 น โดยก่อนเวลาปฏิบัติงานเราจะเข้ามาประเมินความเสี่ยงอีกครั้ง ทั้งเรื่องพื้นที่และสภาพอากาศ ถ้าเกิดมีการยุบตัวอาจจะต้องใช้แผ่นเหล็กมาวางเพื่อให้รถเข้าออกได้ โดยทางเราก็พยายามทำงานให้เร็วที่สุด

นายศุภวัฒน์ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่จะนำสารเคมี สไตรีน ไปทำลายที่ บริษัทมหาชนจำกัด อัคคีปราการ ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ซอย 1 โดยรถแต่ละคันจะรับสารเคมีได้ประมาณ 25 คิว จะต้องขนถ่ายประมาณ 24 เที่ยว โดยคาดการว่า จะนำสารเคมีทั้งหมดออกไปทำลายได้ภายใน 5 วัน ถ้าสภาพอากาศดีไม่มีอะไรติดขัด น่าจะเร็วขึ้นไม่เกิน 3 วัน โดยรถขนถ่ายมีเพียงพอและระยะทางไม่ไกล สามารถทำงานได้ตลอดเวลา ส่วนวิธีการทำลายสารสไตรลีน โดยการนำไปเผาทำลายที่เตาเผาอุณหภูมิสูง ที่มีความร้อน 1000 องศา ขึ้นไป โดยในประเทศไทยที่เป็นเตาเผาอุตสาหกรรมมีอยู่ที่เดียวที่คือ บริษัทมหาชนจำกัด อัคคีปราการ ซึ่งเป็นเตาเผาของกรมโรงงานอุตสาหกรรมเอง โดยที่ในประเทศไทยมีเพียง 2 ถึง 3 แห่งเท่านั้น ที่สามารถจัดการกับสารตัวนี้ได้

นายศุภวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหนรับขั้นตอนการทำลายสารเคมีประเภทนี้ทำลายโดยการฉีดเข้าไปในเตาเผา เพื่อทำลายโมเลกุล ต้องให้ความร้อนและเวลาในการเผาไหม้นานพอสมควร โดยคาดว่าจะเผาได้ชั่วโมงละ 3 ตัน แต่เรามองว่าความเดือนร้อนของประชาชนที่ต้องการที่จะกลับเข้าบ้านเรือน เราจึงจัดเตรียมแทงค์หรือที่กักเก็บขนาด 600 ตัน ไว้ ก็สามารถดูดและไปเก็บไว้ที่แทงค์ได้เลยเพื่อทยอยทำลายต่อไป โดยระหว่างกักเก็บสารเคมีตัวนี้ไม่มีอันตราย โดยที่จริงสารเคมีตัวนี้เป็นสารเคมีปกติที่ใช้ในอุตสาหกรรม เรซีน อุตสาหกรรมพลาสติก ซึ่งทางบริษัท อัคคีปราการ ก็มีการไปรับสารเคมีตัวนี้มาทำลายบ่อยครั้ง โดยสารตัวนี้เรารับมาแล้วเราก็ทำลายอย่างเร็วที่สุด