เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
แนวรบหลักของพรรคพลังประชารัฐ
พรรคพลังประชารัฐจัดประชุมฟอร์มคณะกรรมการบริหารใหม่แล้วเมื่อวานนี้ พร้อมปรับปรุงระบบบริหาร แล้วประกาศแนวทางการบริหาร 2 เรื่อง คือ การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และการปรับปรุงวิธีการทำงานของพรรค โดยให้รองหัวหน้าพรรคเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อน และเลขาธิการพรรคเป็นผู้สนับสนุน
ในฐานะพรรคการเมืองในระบอบรัฐสภา ก็เห็นได้ชัดว่า บทบาทของพรรคพลังประชารัฐต่อไปนี้ ไม่สนใจแนวรบบนถนน หรือแนวรบในสภา แต่จะวางจุดหนักโดยถือเป็นแนวรบหลักคือ แนวรบทางกฎหมาย จึงเห็นได้ว่ามีการระดมบรรดานักร้องทั้งหลายอย่างพร้อมพรั่ง และเริ่มปฏิบัติการอย่างสอดรับกันอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าจะมีองค์กรอิสระในเครือข่ายหรือใกล้ชิดสนิทสนมกันคอยรับลูกอยู่
แต่ดูเหมือนว่า พรรคเพื่อไทย ยังไม่ให้ความสำคัญ หรือสนใจในเรื่องนี้ แหล่งข่าวเชิงลึกระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะใช้มาตรการร้องมาก็แก้ไป ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประมาท เพราะกระบวนการทางกฎหมายนั้น แม้ไม่รุนแรงเหมือนกับการก่อรัฐประหาร แต่ก็มีอานุภาพที่อาจทำให้เกิดการยุบพรรคก็ได้ ถอดถอนตำแหน่งทางการเมือง ก็ได้ หรือต้องโทษอาญาก็ได้
เข้าทำนองที่พระพุทธเจ้าห้ามประมาทใน 4 เรื่องสำคัญ คือ
(1) ไฟกองเล็ก เพราะอาจสามารถไหม้ลามทุ่งได้
(2) งูตัวเล็กเพราะอาจมีพิษถึงตายได้
(3) สมเณรอายุน้อยเพราะท่านอาจเป็นพระอรหันต์ก็ได้ สุดท้ายคือ
(4) พระมหากษัตริย์ที่ยังทรงพระเยาว์ เพราะมีพระราชอำนาจที่จะสั่งลงโทษประหารคนได้
เมื่อตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้วก็ให้จับตาดูกันให้ดีก็แล้วกัน
เหมา เจ๋อตง ก็เคยกล่าวว่า “ประกายไฟน้อยไหม้ลามทุ่งได้”
จึงประมาทเจ้าสำนักบ้านป่ารอยต่อไม่ได้