นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (17 ต.ค.64) พบทางหลวงถูกน้ำท่วม/ดินสไลด์ และสะพานชำรุดรวม 18 จังหวัด ได้แก่ 1.จ.ขอนแก่น 2.มหาสารคาม 3.นครราชสีมา 4.ชัยภูมิ 5.ลพบุรี 6. นนทบุรี 7.อ่างทอง 8.พระนครศรีอยุธยา 9.สุพรรณบุรี 10.อุทัยธานี 11.เพชรบูรณ์ 12.กรุงเทพมหานคร 13.สมุทรปราการ 14.ปราจีนบุรี 15.สระแก้ว 16.ชลบุรี 17.ตาก และ 18.กาญจนบุรี จำนวน 59 สายทาง 100 แห่ง

โดยทางหลวงที่มีระดับน้ำสูง 5 สายทาง ได้แก่ ทล.2 ท่าพระ-ขอนแก่น ระดับน้ำสูง 200 ซม., ทล.213 มหาสารคาม-หนองขอน ระดับน้ำสูง 210 ซม., ทล.32  นครหลวง-อ่างทอง ระดับน้ำสูง 125 ซม., ทล.3263 อยุธยา-ไผ่กองดิน ระดับน้ำสูง 175 ซม. และ ทล.340 สาลี-สุพรรณ ระดับน้ำสูง 125 ซม. การจราจรผ่านไม่ได้ 21 แห่งดังนี้

1.ขอนแก่น (ผ่านไม่ได้ 3 แห่ง) ทล.2 ท่าพระ-ขอนแก่น ช่วง กม.ที่ 329+913 (จุดกลับรถใต้สะพานกุดกว้าง) ระดับน้ำสูง 200 ซม., ทล.2065 พล-ลำชี ช่วง กม.ที่ 33+625 น้ำกัดเซาะคันทางสไลด์, ทล.2065 พล-ลำชี ช่วง กม.ที่ 33+785 น้ำกัดเซาะคันทางสไลด์ 2.มหาสารคาม (ผ่านไม่ได้ 1 แห่ง) ทล.213 มหาสารคาม-หนองขอน ช่วง กม.ที่ 5+530 (อุโมงค์ท่าขอนยาง) ระดับน้ำสูง 210 ซม.

3.นครราชสีมา (ผ่านไม่ได้ 2 แห่ง) ทล.2150 คง-โนนไทย ช่วง กม.ที่ 40+000-41+000 ระดับน้ำสูง 20-55 ซม., ทล.2369 พระทองคำ-ดอนไผ่ กม.ที่ 7+800-8+800 ระดับน้ำสูง 30+50 ซม. 4.ชัยภูมิ (ผ่านไม่ได้ 3 แห่ง) ทล.201 ช่องสามหมอ-บ้านแข้ กม. 185+000-185+300 (จุดกลับรถใต้สะพาน) ระดับน้ำสูง 20-60 ซม., ทล.201 ช่องสามหมอ-บ้านแข้ กม. 188+000-188+300 (จุดกลับรถใต้สะพาน) ระดับน้ำสูง 10-60 ซม., ทล.2484 ทางเลี่ยงเมืองภูเขียว กม.7+050-7+150 ระดับน้ำสูง 30-50 ซม.

5.นนทบุรี (ผ่านไม่ได้ 3 แห่ง) ทล.302 สะพานพระนั่งเกล้า-ต่างระดับบางใหญ่ ช่วง กม.ที่ 16+950 (จุดกลับรถใต้สะพานคลองบางแพรก) ระดับน้ำสูง 30-35 ซม., ทล.302 สะพานพระนั่งเกล้า-ต่างระดับบางใหญ่ ช่วง กม.ที่ 17+000 (จุดกลับรถใต้สะพานคลองบางแพรกเพื่อมุ่งหน้าถนนกาญจนาภิเษก) ระดับน้ำสูง 30-40 ซม., ทล.307 แยกสวนสมเด็จ-สะพานนนทบุรี ช่วง กม.ที่ 0+942 (จุดกลับรถใต้สะพานนนทบุรี) ระดับน้ำสูง 30 ซม. 6.อ่างทอง (ผ่านไม่ได้ 2 แห่ง) ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 32+607 (จุดกลับรถคลองกะท่อ) ระดับน้ำสูง 125 ซม., ทล.32 นครหลวง-อ่างทอง ช่วง กม.ที่ 33+200 (จุดกลับรถวัดค่าย) ระดับน้ำสูง 35 ซม.

7.พระนครศรีอยุธยา (ผ่านไม่ได้ 3 แห่ง) ทล.347 บางกระสั้น-บางปะหัน ช่วง กม.ที่ 40+860 (จุดกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา) ระดับน้ำสูง 15 ซม., ทล.3263 อยุธยา-ไผ่กองดิน ช่วง กม.ที่ 10+940 (จุดกลับรถใต้สะพานสีกุก) ระดับน้ำสูง 175 ซม., ทล.3263 อยุธยา-ไผ่กองดิน ช่วง กม.ที่ 11+100 (จุดกลับรถใต้สะพานสีกุก) ระดับน้ำสูง 175 ซม.

8.สุพรรณบุรี (ผ่านไม่ได้ 2 แห่ง) ทล.33 สุพรรณบุรี-นาคู ช่วง กม.ที่ 9+886 (สะพานคลองทับน้ำ) ระดับน้ำสูง 85 ซม., ทล.340 สาลี-สุพรรณบุรี ช่วง กม.ที่ 59+674 (สะพานเจ้าแม่ทับทิม) ระดับน้ำสูง 125 ซม. 9.ปราจีนบุรี (ผ่านไม่ได้ 1 แห่ง) ทล.33 ประจันตคาม-พระปรง ช่วง กม.ที่ 171+400-กม.171+900 ระดับน้ำสูง 15-50 ซม. และ 10.กาญจนบุรี  (ผ่านไม่ได้ 1 แห่ง) ทล.3390 หนองรี-บ่อยาง ช่วง กม.ที่ 3+200-กม.4+200  ระดับน้ำสูง 70 ซม.

ทั้งนี้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มีความห่วงใยประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเนื่องจากเส้นทางคมนาคมได้รับผลกระทบจากอุทกภัย  อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับให้กระทรวงคมนาคมเร่งสำรวจ ซ่อมแซม และแก้ปัญหาเส้นทางคมนาคมที่ได้รับความเสียหาย  จึงเร่งให้หน่วยงานในสังกัดให้เร่งซ่อมแซมฟื้นฟูเส้นทางเพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย รวมทั้งให้เร่งช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ โดยจัดเตรียมบุคลากร เครื่องมือ เครื่องจักร เพื่ออำนวยความสะดวกในการสัญจรในพื้นที่เกิดเหตุอุทกภัยจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและเฝ้าระวังสถานการณ์ 24 ชม. เนื่องจากขณะนี้บางพื้นที่ยังได้รับอิทธิพลจากพายุทำให้มีปริมาณฝนตกอย่างต่อเนื่อง

สำหรับพื้นที่ที่ระดับน้ำลดลงได้บำรุงรักษาเส้นทาง และเปิดให้ประชาชนสัญจรได้ตามปกติแล้ว แต่ยังมีบางพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่จึงให้เร่งระบายน้ำ และสำหรับทางหลวงหมายเลข 2065 ตอน พล-ลำชี ที่ กม.33+600-33+707 ได้เร่งวางโครงสร้างสะพานเบลีย์ความยาว 107 เมตร ทอดข้ามจุดที่ได้รับความเสียหายจากอิทธิพลของพายุคาดว่าประมาณ 6-7 วันจะเปิดให้สัญจรได้ตามปกติ นอกจากนี้หน่วยงานในพื้นที่ยังได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง อาทิ แจกถุงยังชีพ ทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน ทำสะพานบริเวณวัดที่น้ำท่วมเพื่อให้สัญจรได้ชั่วคราว

ขอให้ประชาชนผู้ใช้เส้นทางหลวงเดินทางด้วยความระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัย ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำคำแนะนำเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือขอความช่วยเหลือติดต่อได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชม.)