เมื่อวันที่ 9 ก.ย. นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาสคบ.ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ภายหลังจากได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สคบ. เรียกรับเงินเพื่อเปิดทางอำนวยความสะดวกในการขายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า
ต่อมาในเวลา 15:00 น. นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผอ.กคส. ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่รวม 13 นาย ลงพื้นที่บริเวณซอยรามคำแหง 53 และซอยลาดพร้าว 107 พบมีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจริง โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงได้แสดงตนและดำเนินการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าได้จำนวน 3 ร้าน ของกลางประมาน 3,000 ชิ้น มูลค่าร่วมล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ทั้ง 3 ร้านมีเจ้าของเป็นบุคคลคนเดียวกัน มีชื่อเล่นว่า “เบิร์ด” และมีการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สคบ. เรียกรับเงินจากร้านค้าที่แอบลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า
นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ถือว่าเป็นสินค้าอันตรายและเป็นความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยสินค้าหรือบริการ ที่ 24/2567 ลงวันที่ 8 ก.ค. 2567 เรื่อง ห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่หรือบุหรี่ไฟฟ้า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ลงพื้นที่บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาลและเลขาสคบ. เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน และจากการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องของสคบ. มักมีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษสคบ. เรียกเก็บเงินจากร้านค้าที่ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า หรือน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า
ทั้งนี้ สคบ. ขอยืนยันว่า การดำเนินการของสคบ. ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ไม่มีการรับเรียกผลประโยชน์ใดๆ จากผู้กระทำความผิด บุคคลใดก็ตามที่ไปแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สคบ. เรียกรับผลประโยชน์ สคบ. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และฝากเตือนไปยัง ใครก็ตามที่ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าและถูกแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สคบ. เรียกรับเงิน ท่านกำลังถูกหลอกให้เสียเงินและท่านอาจจะถูกดำเนินคดีฐานขายสินค้าที่ห้ามขายด้วย อย่างไรก็ตาม สคบ. จะสืบสวนสอบสวนไปให้ถึงตัวผู้แอบอ้างต่อไป ผู้ใดก็ตามที่พบเห็นการลักลอบขายบุหรี่บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ท่านสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่หรือแจ้งสายด่วนสคบ. 1166 หรือ www.ocpb.go.th ได้