เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลางดึกคืนที่ผ่านมา พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ นำกำลังตำรวจในสังกัดเข้าตรวจสอบเหตุพบศพผู้เสียชีวิต ในร้านนวดเพื่อสุขภาพแห่งหนึ่ง ใกล้เคียงซอยด่านสำโรง 28 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ที่เกิดเหตุพบว่าเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านนวดเพื่อสุขภาพ ตรงบริเวณประตูกระจกภายในร้านพบร่าง น.ส.สุมารี (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ชาวจ.นครพนม นอนหงายสภาพน้ำลายฟูมปาก ครึ่งบนเปลือยเปล่า สวมกางเกงขายาว
จากการตรวจสอบสภาพศพไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 14-16 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังพบซองยารักษาโรคเกี่ยวกับโรคกระเพาะอยู่ภายในถุงเก็บของ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากการสอบสวนพยานแวดล้อม ทราบว่าผู้ตายพักอาศัยที่ชั้นล่างเพียงลำพัง ก่อนเกิดเหตุไม่มีใครได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทกันแต่อย่างใด
ขณะที่ นางละไม (สงวนนามสกุล) พนักงานนวดในร้าน ให้การอ้างว่า ผู้ตายเป็นเจ้าของร้านนวดมาเช่าตึกแห่งนี้ได้หลายปีแล้ว ระยะหลังผู้ตายป่วยเป็นไข้มาสามสี่วัน ซึ่งวันที่ผู้ตายเสียชีวิต ตนไม่ได้มาทำงานเพราะเป็นวันหยุดงานของตน แต่ปรากฏว่ามีคนข้างร้านโทรบอกว่าเจ้าของร้านเสียชีวิตจึงรีบมาดู ทั้งนี้ ทราบมาว่าผู้ตายมีโรคความดันและไขมันสูง อีกทั้งยังชอบดื่มเหล้า เมื่อเดือนก่อนเพิ่งเข้ารพ.ปากน้ำ เพื่อรักษาโรคลำไส้ เพราะดื่มเหล้าเยอะ
อย่างไรก็ตาม มีเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวการเสียชีวิตของ น.ส.สุมารี ได้ออกมาระบุว่า ผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมาผู้ตายพบเจอผีหรือวิญญาณผู้ชายชอบมาดึงแขนดึงขา ทำให้นอนไม่ได้ ต้องมานอนที่ชั้นล่างแทน โดยวิญญาณดังกล่าวลักษณะเป็น ผีชายตัวดำร่างใหญ่ ชาวบ้านทราบกันดีว่าตึกดังกล่าวเคยมีผู้เสียชีวิตที่ตึกนี้ แต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไรตาย กระทั่งมีข่าวเจ้าของร้านนวดเสียชีวิต ทำให้เกิดความสงสัยว่า เป็นฝีมือของสิ่งลี้ลับหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ระบุว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ แพทย์เวร จากการชันสูตร สภาพศพ ไม่พบร่องรอยของการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ส่วนที่พบว่ามีฟองคล้ายกับน้ำลายฟูมปากนั้น แพทย์เวรที่ร่วมตรวจสอบสันนิฐานว่า อาจมาจากการที่ผู้ตายกินยาคลายกรดในกระเพาะอาหารซึ่งเป็นยาที่ทางโรงพยาบาลจ่ายให้ตามประวัติการรักษา โดยผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับกระเพาะและโรคอื่น ซึ่งมีประวัติการรักษาที่โรงพยาบาล โดยสันนิฐานเบื้องต้นของการเสียชีวิตมาจากโรคประจำตัวกำเริบ ซึ่งอย่างไรก็ตามจะต้องส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดที่นิติเวชอีกครั้ง