เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 ก.ย. ที่ ห้องแกรนด์บอลรูม 2 โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และเดลินิวส์ออนไลน์ ร่วมกับบริษัท อินโนพาวเวอร์ และพันธมิตร จัดงานสัมมนา “พลังงานสะอาด” ความยั่งยืน และทางรอดธุรกิจยุคใหม่ โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ร่วมปาฐกถาพิเศษ “รื้อ ลด ปลด สร้าง เพื่อเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืน” และการเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญระดับสากล และผู้นำจากองค์กรชั้นนำหลายแห่ง
โดยในช่วงเสวนา นายรองเพชร บุญช่วยดี รองผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO) กล่าวว่า เรื่องพลังงานสะอาดมีมานาน แต่เริ่มมีความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน ตั้งแต่การประชุม cop หรือการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขึ้นมา ได้กำหนดให้ประเทศต่างๆ ต้องตั้งเป้าเน็ตซีโร่ ภายในปี 2050 และมีการถ่ายทอดมาสู่ภาคธุรกิจที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ต้องมีการลดการตัดไม้ทำลายป่า ลดมีเทน การลดใช้ถ่านหิน โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดักจับคาร์บอน และภาคการเงินเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ กรีน ไฟแนนซิ่ง หากสนับสนุนพลังงานสะอาดจะได้รับสิทธิพิเศษด้านเงินกู้ และภาษี
“การไปถึงเน็ตซีโร่ ต้องลดก๊าซเรือนกระจกเหลือเกือบ 0 ภาคพลังงานอุตสาหกรรมและขนส่ง ในอดีตใช้พลังงานฟอสซิลเป็นหลัก และใน cop 28 เริ่มมีใช้พลังงานหมุนเวียนหรืออาร์อี และต้องเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานให้ดีขึ้น หากจะไปเน็ตซีโร่ ต้องมีการกำจัดการปล่อยคาร์บอน จากพลังงานฟอสซิลให้ได้”
นายรองเพชร กล่าวต่อว่า ในส่วนของประเทศไทย กลยุทธ์ระยะยาว ตั้งเป้าเน็ตซีโร่ในปี 2065 ลดก๊าซเรือนกระจก 30-40% ในปี 2030 ซึ่งจากการประชุม cop ทุก 5 ปี จะมีข้อตกลงที่สำคัญ เหมือนที่ผ่านมา ทั้งที่ โตเกียว บาหลี และปารีส ซึ่งมีความุ่งมั่นลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากขึ้น มีการพูดถึงเก็ยภาษีคาร์บอน ซึ่งแต่ละประเทศจะจัดเก็บไม่เหมือนกัน โดยทางไอเอฟเอฟ ได้ระบุว่า การเก็บภาษีไม่ควรน้อยกว่า 75 เหรียญต่อตัน ปัจจุบันปรับเป็น 85 เหรียญแล้ว ที่จะทำไปถึงเน็ตซีโร่ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบไฟฟ้าเป็นหลัก เพราะเซื้อเพลิงฟอสซิล เป็นต้นทุนหลัก ซึ่งจะเป็นต้องลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเป็นธรรมในเรื่องราคาพลังงาน สนับสนุนเรื่องไฟฟ้าสีเขียว ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงได้