เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 67 ในการประชุมร่วมรัฐสภา วาระการแถลงนโยบายรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข อภิปรายชี้แจงการแก้ไขปัญหายาเสพติดว่า ประเด็นปัญหายาเสพติดมีหลายกระทรวงที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง สำหรับกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่บูรณาการฟื้นฟูและช่วย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ที่ช่วยกันดำเนินการอย่างเต็มที่กรณีการยึดทรัพย์นั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้กำชับในนโยบายของรัฐบาลว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องมีเรื่องการยึดทรัพย์เป็นสำคัญ เพราะท่านได้บอกว่า หากเราไม่จัดการตั้งแต่ต้นเหตุคือผู้ค้า แล้วปลายเหตุก็จะเป็นยาเสพติดที่มาขายลูกหลานคนไทย เสพกันทั่วบ้านทั่วเมือง เตียงที่ไหนจะมาพอดูแลพี่น้องประชาชน
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การเน้นหนักในการยึดทรัพย์เป็นเรื่องที่ถูกต้องและเราทำอย่างจริงจัง ในอดีตที่เราดำเนินการจับกุมพ่อค้ารายใหญ่ ปี 2564-2566 เรายึดทรัพย์ได้มากถึง 39,959 ล้านบาท แต่วันนี้ที่ท่านสมาชิกพูดว่าลดน้อยถอยลงไป เพราะว่ากลุ่มผู้ค้ามีความรู้ทันกับรัฐบาล มีนวัตกรรมที่ตามขึ้นมา เราก็ต้องหนีไปอีก ตอนนี้เป็นช่วงที่มีระยะเวลาปรับตัว ทั้งนี้ประชาชนที่แจ้งเบาะแสก็จะได้รางวัล ร้อยละ 5 จากมูลค่าที่ยึดได้ ส่วนราชการจะได้ ร้อยละ 25 นอกจากนี้ การบูรณาการ กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการร่างกฎหมาย อสม. ให้มีกองทุนในกรณีที่ อสม.ทำประโยชน์แจ้งเบาะแส แต่อาจจะกลัวอันตรายก็แจ้งเป็นกลุ่มในนาม กองทุน อสม.ได้ เงินรางวัลส่วนนี้จะสะท้อนกลับมายังกองทุนได้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่ง อสม. ทั่วประเทศมีถึง 1,080,000 คน หากเรายึดรายใหญ่ไม่ได้ ก็มายึดรายเล็ก และกรณีคนเสพเราไม่ได้เอามาบำบัดอย่างเดียว ต้องเอามาสืบค้น เค้นสอบ สาวไปยังผู้ค้า นี่คือแนวทางของรัฐบาลที่รัฐบาลจะดำเนินการในส่วนนี้
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ป่วยจากยาเสพติด จำนวนเตียงสำนักปลัดกระทรวงเรามี 3,622 เตียง กรมการแพทย์ 1,840 เตียง กรมสุขภาพจิต 1,094 รพ.จิตเวชยาเสพติด 4,469 รวมๆ เป็นหมื่นเตียง สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ และกรมสุขภาพจิตได้มีแนวทางปรับแก้เป็นกรมสุขภาพจิตและยาเสพติด กำลังดำเนินการเสนอกฎหมาย เพราะทราบว่ากระบวนการยึดทรัพย์ สามารถเอาทรัพย์สินมาสู่กระบวนการของกรมสุขภาพจิต เรากำลังเตรียมเสนอร่างเข้า ครม. ทั้งนี้ในการดำเนินการเรามีการพัฒนาระบบสุขภาพจิตและยาเสพติด และมีสายด่วน 1323 เพื่อการปรึกษาปัญหาในส่วนต่างๆ เหล่านั้นด้วย.