เมื่อเวลา 18.05 น. วันที่ 12 ก.ย. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วนคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในประเด็นยาเสพติด ว่า ขอขอบคุณทุกข้อเสนอแนะจากรัฐสภา พร้อมยืนยันว่า ตนเองได้รับฟังการอภิปรายอย่างชัดเจน และทุกนโยบายที่ถูกหยิบยกมาอภิปรายนั้น บางนโยบายรัฐบาลดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และบางนโยบายกำลังดำเนินการ เช่น การพักหนี้เกษตรกร การแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งรัฐบาลจะสานต่อนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติด จากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นปัญหาที่ไม่สามารถรอได้ และตนเองได้พูดคุยกับหลายฝ่ายเรียบร้อยแล้ว พร้อมยืนยันว่า มีการจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ ซึ่งเป็นปัญหาต้นตอได้หลายรายแล้วเช่นกัน
“สส. ของพรรค ได้ลงพื้นที่แล้วยังมีชาวบ้านสะท้อนว่า “ดิจิทัลวอลเล็ตไม่เอาแล้ว เอาเรื่องยาเสพติดก่อน” ที่ สส. ได้รับการสะท้อนจากชาวบ้าน และ สส. มารายงานต่อที่ดิฉัน แต่ยืนยันว่า ก็จะต้องดูแลในทุก ๆ ส่วน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตนขอน้อมรับคำแนะนำให้การเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์บาดแผล ยึดมั่นในหลักนิติธรรม จะพยายามทำให้ถึงที่สุด ตนเข้าใจฝ่ายค้านอย่างลึกซึ้งในเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อหลายปีที่แล้ว พรรคเพื่อไทยได้เสียงเป็นอันดับ 1 แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ แล้วก็มาเป็นฝ่ายค้านกับพรรคก้าวไกล ด้วยกันถึง 4 ปี พวกเรายังจำได้ดี ตนเข้าใจจุดนี้ แต่การที่ครั้งนี้ ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย มาจำนวน 10.9 ล้านคน ก็คือเสียงประชาชนเช่นกัน พรรคร่วมรัฐบาล ก็ได้เสียงประชาชนเลือกมาเช่นกัน ทุกเสียงคือเสียงของประชาชนคนไทยทั้งนั้น ไม่มีเสียงไหนที่ศักดิ์ศรีด้อยไปกว่ากันและกันเลย อยากจะขอให้ทุกคนมาร่วมกันอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ไม่สร้างวาทกรรมเกลียดชัง ไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะเราเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในสังคมปัจจุบัน ที่จะสามารถเป็นตัวอย่างให้ประชาชนได้ว่าเมื่อเรามารวมตัวกัน เราสามารถมีการเมืองที่สร้างสรรค์ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้วาทกรรมเกลียดชังเพื่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม
“ขณะนี้เอง ก็ไม่ใช่ช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง เราไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งเหล่านั้นให้เข้าใจผิด เราต้องมองเห็นภาพของส่วนรวมประเทศมากกว่าภาพลักษณ์ของเราเอง ยิ่งขณะนี้เกิดเหตุอุทกภัยหนักทางภาคเหนือ โดยเฉพาะใน จ.เชียงราย ทุกกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้สั่งการล่วงหน้า และลงไปดำเนินการช่วยเหลือประชาชนได้รวดเร็วมาก ประชาชนมีอาหารกินครบเพียงพอทั้ง 3 มื้อ ประชาชนไม่ต้องหิวแล้ว นี่คือสิ่งที่รัฐบาลรีบลงมืออย่างรวดเร็ว มันเป็นสิ่งที่เราควรจะร่วมมือร่วมแรงร่วมใจ เพื่อผ่านวิกฤติประเทศชาติ ที่ไม่ใช่การสร้างความเกลียดชัง ไม่อยากให้ฝ่ายค้านมีเรื่องคับแค้นใจเป็นฝ่ายแค้นแทน เราไม่ต้องแค้นกัน เราต้องเข้าใจกัน เราสามารถอยู่ในสภาแห่งนี้ ด้วยหลักของความเข้าใจที่ถูกต้อง” นายกรัฐมนตรี กล่าว.