เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวปิดการแถลงนโยบายของรัฐบาล ว่า ตนมากล่าวขอบคุณในการแถลงนโยบายของ ครม.ต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญไม่ใช่มากล่าวขอบคุณในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในฐานะผู้แทนรัฐบาล ขอบคุณประธานและสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกคนที่ได้ร่วมกันอภิปรายแสดงความเห็นต่อนโยบายของรัฐบาล ตลอดระยะเวลา 2 วัน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านได้รับฟังข้อเสนอแนะและความเห็น สส. ทั้งฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาล ตลอดจนสมาชิกวุฒิสภาทุกคนซึ่งล้วนแต่เป็นข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อยู่บนฐานเจตนารมณ์เดียวกัน กับนโยบายต่างๆ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่างไรก็ดีแม้จะมีการอภิปรายที่เบี่ยงเบนในจากข้อเท็จจริงบ้างและบางครั้งเกิดจากการจินตนาการไปไกลเกินกว่าความเป็นจริง แต่ก็ถือว่าข้อเสนอทั้งหลายเริ่มต้นจากเจตนาที่อยากจะเห็นบ้านเมืองได้รับประโยชน์ ครม.ก็จะนำเอาข้อเท็จจริงเหล่านี้ไปจำแนกแยกแยะ เพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดต่อประเทศ พร้อมที่จะนำข้อเสนอและข้อคิดเห็นของสมาชิกทุกคนไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดต่อไป
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า โดยภาพรวมของนโยบายที่รัฐบาลได้แถลง เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ต่อยอดการพัฒนา เช่น การแก้ไขหนี้ทั้งระบบ การลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้ประชาชน การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ วางรากฐานสู่อนาคต เช่น การส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จากฐานวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทย การปฏิรูประบบราชการ การยกระดับทักษะแรงงาน รวมทั้งการสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีนโยบายด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านต่างประเทศ ที่สอดประสานและส่งเสริมความเชื่อมั่นของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ
“รัฐบาลขอให้ความเชื่อมั่นว่าการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ที่จะช่วยสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ และศักดิ์ศรี เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดตามความมุ่งหวังของรัฐบาลและสมาชิกสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ทุกคน”นายภูมิธรรม กล่าว.
จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 01.09น. โดยใช้เวลาการอภิปรายในวันสุดท้ายไป 16 ชั่วโมง รวมการอภิปราย 2 วันกว่า 31 ชั่วโมง เกินกว่าที่วิป 3 ฝ่ายตกลงกันไว้ ว่าจะใช้เวลาในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลรวม 29 ชั่วโมง