เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้ลงสำรวจพื้นที่ ที่ตลาดนัดหน้าดับเพลิง ในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ในช่วงนี้พบประชาชนหันมาเลือกซื้อผักตามตลาดนัด ที่คาดว่าราคาผักอาจจะถูกกว่าในตลาดสด แต่เมื่อมาถึงพบว่าราคาผักในตลาดนัดก็แพงขึ้นต่อเนื่องจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะสภาพอากาศส่งผลทำให้นํ้าท่วมพื้นที่เพาะปลูก มิหนำซ้ำยังต้องแบกรับต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น สำหรับผู้ค้าผักรายย่อยต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ปีนี้ราคาผักแพงมาก ตัวอย่างเช่น ต้นหอม เดิมเคยขายกิโลกรัมละ 80-100 บาท ขณะนี้ขึ้นมาถึงกิโลกรัมละ 250 บาท ทำให้ผู้บริโภคต้องแบกรับค่าใช้จ่าย และมีแนวโน้มว่าราคาจะปรับขึ้นต่อเนื่อง

จากการสอบถาม แม่ค้าแผงขายผักสด บอกว่าช่วงนี้ราคาผักสด แพงขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม และยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง สำหรับตัวเองพยายามปรับตัวด้วยการลดราคาให้เหมาะสม แต่ก็ส่งผลกระทบต่อกำไรที่ลดลงต่อเนื่อง บางวันได้กำไรแค่หลักร้อย จากเดิมที่ได้หลายพันบาทต่อวัน ขณะเดียวกันก็ต้องปรับเปลี่ยนการขาย โดยการนำผักที่แพงมาขายปนกับผักที่มีราคาถูก ด้วยการมัดขายรวมกันเป็นกำโดยขายกำละ 20 บาท

สำหรับผักที่มีราคาพุ่งสูงขึ้นขณะนี้ คือ ต้นหอม เดิมขายกิโลกรัมละ 80-100 บาท ขณะนี้ขึ้นมาถึงกิโลกรัมละ 250 บาท นอกจากนี้บรรดาผักคะน้า ผักแซ่ซิ้มปรับขึ้นกิโลกรัม 10–15 บาท ส่วนแตงกวาเดิมขายกิโลกรัมละ 30 บาท ปรับขึ้นเป็น 40 บาท พริกเขียว-แดง เดิมกิโลกรัมละ 60 – 70 บาท ปัจจุบันกิโลกรัมละ 100 บาท จากที่เคยขายมาคาดว่าราคาผักจะเริ่มกลับมาปกติในช่วงเดือน ธ.ค. เพราะขณะนี้เกษตรกรหลายพื้นที่ถูกน้ำท่วม และจะกลับมาเพาะปลูกใหม่ได้หลังน้ำลด

“ลูกค้าที่มาซื้อผักตอนนี้มีการปรับตัว ด้วยการซื้อผักน้อยลง ทำให้ยอดขายของทางร้านตกลง แต่มีลูกค้าหลายเจ้าที่จำเป็นต้องใช้ผักก็พยายามขายให้ราคาเหมาะสมที่สุด ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่เปิดร้านยำ จำเป็นต้องใช้ต้นหอม ก็อาจต้องลดส่วนผสมตรงนี้ลงจากเดิม” แม่ค้าผัก กล่าว

ขณะที่ลูกค้าที่มาซื้อบอกว่า ตอนนี้ราคาอาหาร ผัก ผลไม้ แพงทุกอย่าง เพราะราคาขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ต้องปรับตัวและเชื่อว่าราคาอาจไม่ลดลงไปกว่านี้อีก ยังไงก็ต้องปรับตัวให้ทันกับเศรษฐกิจปัจจุบันที่เข้าใจว่าช่วงนี้เศรษฐกิจขาลง.