เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกพฤติกรรมของ 2 แม่ลูกเอาไว้ได้ ขณะเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในวัดเอาไว้ได้ โดยทำทีเป็นชาวบ้านที่เข้ามาทำบุญไหว้พระภายในโบสถ์ ก่อนจะลงมือก่อเหตุขโมยเงินจากต้นกฐินที่อยู่ภายในโบสถ์ทั้ง 2 โบสถ์ของวัด แล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา
จนกระทั่งวันนี้เวลา 10.45 น.ของวันที่ 15 ก.ย. 67 ร.ต.อ.วัฒนา สมานสุข รองสารวัตรป้องกันและปราบปรามสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยสายตรวจตำบลวังตะเคียน เข้าตรวจสอบเหตุลักทรัพย์ภายในวัดนครเนื่องเขต (วัดต้นตาล) ในพื้นที่หมู่ 8 ตำบลวังตะเคียน อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังได้รับแจ้งจากทางวัดว่าได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์เอาไว้ได้ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบนางสาวปูริดา เดวีเลาะ อายุ 44 ปี พร้อมกับลูกสาววัย 11 ขวบ (เอ) นามสมมุติ ได้ร่วมกันก่อเหตุขโมยเงินกฐินภายในโบสถ์ใหญ่ และสามารถตรวจยึดเงินของกลางที่กำลังกำไว้ในมือเอาไว้ได้
จากการสอบถามพระปุ๋ย (พระชาญเดช) ได้ให้การว่า แม่ลูก 2 คนนี้ได้ขี่จยย.ฮอนด้า PCX สีดำ ทะเบียน สปก 243 กรุงเทพมหานคร เข้ามาก่อเหตุตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ช่วงเกือบบ่าย 2 โมง โดยทำทีเหมือนชาวบ้านเข้ามากราบไหว้ขอพรพระและทำบุญตามปกติ แต่พอสบโอกาสก็ได้ลงมือก่อเหตุขโมยเงินกฐินจากต้นกฐินจนเกลี้ยงต้น ทั้งโบสถ์ใหญ่และโบสถ์เล็ก แม้แต่เศษเหรียญที่อยู่ในพานหน้าพระก็ยังเอาไปหมด และคงเกิดความย่ามใจที่เคยลงมือก่อเหตุแล้วไม่มีใครจับได้ วันนี้จึงได้ขี่จยย.คันเดิมกลับมาก่อเหตุซ้ำ
โดยได้จอดรถไว้ที่บริเวณด้านหลังทางขึ้นโบสถ์ใหญ่ ก่อนจะเข้าไปขโมยเงินภายในโบสถ์ ซึ่งจังหวะนั้นได้มีนายชลนที ธีถาวร อายุ 31 ปี ได้ผ่านมาเห็นสองโจรแม่ลูกที่มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับคนร้ายที่เคยเข้ามาก่อเหตุก่อนหน้านี้ จึงได้เข้าไปบอกพระภายในวัด พระจึงได้ประสานชาวบ้านให้ช่วยกันจับกุมตัวเอาไว้ได้
ด้านนางสาวปูริดา เผยว่า ตนเองได้แยกกันอยู่กับสามี เพราะว่าลูกสาวไม่อยากอยู่กับพ่อ เนื่องจากพ่อชอบทำร้ายร่างกาย ตนเองจึงได้ขี่จยย.พาลูกสาวมาตระเวนหางานทำ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้งาน เพราะที่ผ่านมาตนเองก็เพิ่งพ้นโทษมาได้แค่ 2 เดือน เลยยังไม่รู้ว่าจะไปทำงานที่ไหน ซึ่งช่วงที่ยังไม่ได้งานก็จะอาศัยพาลูกสาวมานอนตามปั๊มน้ำมัน ส่วนที่ต้องลงมือก่อเหตุลักทรัพย์ เพราะไม่มีเงิน โดยล่าสุดเงินที่ขโมยมาจากต้นกฐินของทางวัด ก็ถูกนำไปใช้กินและเดินทางไปหาเพื่อนที่บางแสน เพื่อหวังจะไปขอทำงานด้วย แต่ไปแล้วไม่เจอเพื่อน จึงขี่จยย.จากบางแสนกลับมาก่อเหตุที่วัดแห่งนี้ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เพราะเงินที่ขโมยไปครั้งที่แล้วใช้หมดไปแล้ว ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา เพื่อส่งดำเนินคดีต่อไป