นายกฯ ตั้งใจทำงานไม่รับเงินเดือน ขอมอบให้มูลนิธิต่างๆ แทน ตามความตั้งใจแต่ต้น “แม้ว” แนะนำซินแส 2 คน ช่วยปรับฮวงจุ้ยห้องทำงานให้ “ลูกอิ๊งค์” ดิจิทัลวอลเล็ตอลเวงอีก “หนิม” เผยขอเลื่อนประกาศชื่อผู้ได้รับสิทธิออกไปก่อน จากเดิม 22 ก.ย. รัฐบาลยันมีเงินแน่ “สมชัย”ชี้การแจกดิจิทัลวอลเล็ตให้กลุ่มเปราะบางเป็นเงินสดอาจไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะกลุ่มนี้อาจเอาไปใช้หนี้ก่อน แถมไม่มีคำตอบว่างวดที่สองจ่ายเมื่อไร หวั่นแจกแห้วแทน “ไพบูลย์” งัดกฎหมายสมัย คมช.ห้ามดักฟังมาไล่ปิดปากสื่อใหญ่ “พายัพ” ขย่มซ้ำเรื่องคลิปหลุด ต้องนำไปสู่การเชือดทหารแก่ไปถึงขั้นตัดสิทธิทางการเมืองและยุบพรรค “เชตวัน” อัดจุฬาฯ ไม่กล้าหาญ ไม่ยอมให้ใช้สถานที่จัดเปิดตัวหนังสือที่ กอ.รมน.แบน เลือกตั้งพิษณุโลก “บู้ เพื่อไทย” คว้าชัยชนะนำ “โฟล์ค ปชน.” ร่วม 5,000 คะแนน
วันที่ 16 ก.ย. “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร จะเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล เรียกประชุมทีมงานที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเตรียมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.), คณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม และจัดตั้งศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและบริหารสถานการณ์
มีรายงานข่าวว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 12-13 ก.ย.ก่อนที่ น.ส.แพทองธารจะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดา ได้แนะนำซินแส 2 คนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทชาวต่างชาติให้มาช่วยดูสถานที่ทำเนียบรัฐบาลและห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า และเปลี่ยนจากห้องที่เคยเตรียมไว้เป็นห้องนอนของนายเศรษฐา ทวีสิน มาเป็นห้องแต่งตัวของนายกฯ เพราะในแต่ละวันนายกฯ มีหลายภารกิจที่ต้องเปลี่ยนชุดตามความเหมาะสม
ในวันที่ 12 ก.ย. ซึ่งนายกฯ เข้าทำเนียบรัฐบาล สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลเป็นการส่วนตัว คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และน.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาวเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลด้วย “คุณหญิงอ้อ” มารดานายกฯ เอ่ยปากชมว่า “ทำเนียบสวยขึ้นเยอะ” มีรายงานข่าวด้วยว่า ในการเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ครั้งนี้ของ น.ส.แพทองธาร จะยึดแนวความคิดเดิมเช่นเดียวกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ คือการไม่รับเงินเดือนในตำแหน่งนายกฯ โดยจะมอบให้กับมูลนิธิต่างๆ ซึ่งเป็นความคิดของ น.ส.แพทองธารมาตั้งแต่ต้นแล้ว
สำหรับกรณีคลิปเสียงฉาวหลุด “ลุงอยากเป็นนายกฯ” ที่ว่ากันว่าเป็นการแอบอัดในบ้านมูลนิธิป่ารอยต่อ ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พำนักอยู่ เรื่องนี้นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. จะฟ้องสื่อที่เผยแพร่คลิป ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา อ้างว่า “คลิปหลุดที่ว่า ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าเป็นเสียงของนายไพบูลย์ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง”
นายไพบูลย์ยังจะฟ้องสื่อในข้อหา กระทำความผิดตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค. ซึ่งเป็นกลุ่มทหารที่ยึดอำนาจจากนายทักษิณ ชินวัตร ในปี พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 21 เรื่อง ห้ามการดักฟังทางโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารใด ข้อ 2 “ผู้ใดรับรู้ข้อความที่ได้มาจากการกระทำความผิดตาม ข้อ 1 ใช้ประโยชน์หรือเปิดเผยข้อความนั้นต่อผู้อื่นโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” เพิ่มในคำฟ้องเป็นอีกฐานความผิดด้วย ซึ่งยังไม่มีกฎหมายยกเลิกประกาศฉบับนี้ เรียกได้ว่า “นายไพบูลย์งัดนิติสงครามขึ้นมาเล่นเต็มที่” แต่ภาพออกไปจะทำให้ประชาชนคิดอย่างไรก็อีกเรื่อง
นายพายัพ ปั้นเกตุ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย เย้ยหยันการเคลื่อนไหวของนายไพบูลย์ และบอกว่า การที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ตรวจสอบเรื่องนี้จะนำนายทหารแก่หัวหน้าพรรคการเมืองเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ถอดถอนจากตำแหน่ง สส. ตัดสิทธิทางการเมือง รวมถึงยุบพรรค พปชร. หากพิจารณากันถึงพยานหลักฐานน่าจะชัดเจน เพราะมีคนระดับปลัดกระทรวงมหาดไทยออกมายอมรับว่าคลิปนี้คือเสียงจริง
ศึกนี้ก็ต้องจับตากันต่อไป จะถึงขั้นพรรคแตกหรือไม่ แต่มีคนเตือนหลายเสียงแล้วว่า “บิ๊กป้อม” ควรระวังบริวารเป็นพิษให้มาก บางที “คนที่เป็นพิษที่สุด” อาจเป็นคนที่คิดว่าไว้ใจได้ที่สุดนั่นแหละ
////////////////
จากกรณีที่โครงการลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ได้มีการปิดรับลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ สำหรับกลุ่มผู้มีสมาร์ตโฟนไปเมื่อวันที่ 15 ก.ย. และจะประกาศผลรายชื่อผู้ผ่านการลงทะเบียนได้รับสิทธิในวันที่ 22 ก.ย. 67 นั้น ล่าสุดนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยกับเดลินิวส์ว่า กระทรวงการคลังขอแจ้งเลื่อนการประกาศผลตรวจสอบผู้ลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต สำหรับคนมีสมาร์ตโฟน ในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ ออกไปก่อน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยืนยันว่า การเลื่อนประกาศผลลงทะเบียนไม่เกี่ยวกับประเด็นที่รัฐบาลไม่มีงบประมาณหรือระบบไม่มีความพร้อม เนื่องจากขณะนี้ได้มีการเตรียมงบประมาณปี 68 สำหรับไว้ดำเนินโครงการแล้ว 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการดำเนินโครงการ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า เงินจำนวน 1.45 แสนล้านที่จ่ายให้แก่กลุ่มเปราะบาง ในช่วง 25-30 ก.ย.นี้ โดยไม่มีเงื่อนไขการใช้จ่าย อาจไม่เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจหรือจีดีพีของประเทศแม้แต่น้อย เพราะกลุ่มเปราะบางส่วนใหญ่จะมีหนี้สินล้นพ้นตัว โดยเฉพาะการมีหนี้นอกระบบ หากเจ้าหนี้มายืนรอรับในนาทีแรกที่เงินมาถึง พายุหมุนที่หวังก็จะเป็นลมสงบนิ่ง
โจทย์ใหญ่ถัดไป คือ อีก 30 ล้านคน จะเอาเงินปี 68 ที่มีการเตรียมเงินไว้เพียง 1.87 แสนล้าน แต่หากเต็มเป้า 45 ล้านคน ต้องการเงิน 3 แสนล้าน ขาดอยู่ 1.13 แสนล้าน จะเอาเงินที่ไหน จะจ่ายเป็นเงินสด หรือเป็นดิจิทัล จะจ่ายหมดหรือกำหนดกลุ่มจ่ายอีก หรือจะไม่จ่ายอีกแล้ว ไม่มีคำตอบชัดเจนว่า งวดสองที่เหลือจะจ่ายเมื่อใด จ่ายแบบใด การไม่ยอมเปิดให้มีการลงทะเบียนเพิ่มเติม หลังจาก 15 ก.ย. 2567 สำหรับผู้ที่ไม่สามารถลงทะเบียนออนไลน์ แปลว่า รัฐบาลเริ่มลังเลว่าจะจ่ายเงินที่เหลือหรือไม่อย่างไร
ซึ่งตอนนี้เงินดิจิทัลกลายเป็นนโยบายอลเวงมาก ที่เดี๋ยวปรับ เดี๋ยวเปลี่ยน เดี๋ยวรื้อจนตามกันไม่ค่อยทัน
////////////
เรื่องร้อนๆ ในแวดวงวิชาการตอนนี้คือ การที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ออกมาแสดงท่าทีแบนหนังสือ “ในนามของความมั่นคงภายใน การแทรกซึมของกองทัพไทย” ของ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งน่าจะเป็นเล่มเดียวในรอบสิบกว่าปีนี้ ที่ภาครัฐไทยออกอาการแบนชัดเจน และเป็นที่จับตาว่าจะถูกห้ามจำหน่ายหรือไม่ นายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน โพสต์ X ว่า ความเคลื่อนไหวของ กอ.รมน. นายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน.ทราบหรือไม่ แต่แอบทราบมาว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะคณะรัฐศาสตร์ ไม่มีความหาญกล้า ไม่เปิดพื้นที่เสรีภาพทางวิชาการให้กับการจัดงานเปิดตัวหนังสือ จนตอนนี้ยังคงวิ่งวุ่นหาที่จัดใหม่กันอยู่ (เดิมจัดที่ห้องสมาร์ท คลาสรูม ชั้น 7 อาคารเกษม อุทยานิน คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ วันที่ 27 ก.ย.เวลา 15.30-17.30 น.) การแสดงท่าทีของ กอ.รมน. เป็นการเร่งเร้านโยบายยุบ กอ.รมน. ที่พรรคก้าวไกลเดิมเคยเสนอ และปัจจุบันพรรคประชาชนก็ยังคงสืบทอดต่อให้เกิดเร็วขึ้นอีก โดยร่างกฎหมายของเรายื่นเข้าสู่สภาแล้ว
/////////////////
วันเดียวกัน มีการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 ประชาชนผู้มีสิทธิใช้เสียงมีความตื่นตัวในการมาลงคะแนน มารอใช้สิทธิตั้งแต่เวลาประมาณ 07.30 น. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าจนถึงขณะนี้การเลือกตั้ง สส.เขต 1 พิษณุโลกยังไม่มีผู้ใดร้องเรียนเรื่องกระทำผิดกฎหมายเข้ามา
การเลือกตั้งนี้แข่งขันระหว่างนายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ ผู้สมัครจากพรรคประชาชน (ปชน.) และนายจเด็ศ จันทรา จากพรรคเพื่อไทย เป็นการเลือกตั้งซ่อมแรกหลังพรรคก้าวไกลถูกยุบ และเปลี่ยนนายกฯ จึงเป็นที่จับตาการวัดพลังระหว่างพรรคก้าวไกลเดิม และพรรคเพื่อไทยซึ่งไม่ได้ สส.ในเขตดังกล่าวมาตั้งแต่ยุคที่พรรคประชาธิปัตย์ครองเขต 1 ถ้าให้เห็นภาพการต่อสู้ที่ชัดขึ้น ก็คือ การแข่งขันระหว่างขั้วซ้าย (ปชน.) กับขวา (เพื่อไทย)
ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ เวลา 18.50 น. นับคะแนนร่วม 80% ผลคือ นายจเด็ศ จันทรา (บู้) ผู้สมัครหมายเลข 2 พรรคเพื่อไทย คะแนนนำ นายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ (โฟล์ค) พรรคประชาชน หมายเลข 1 อยู่กว่า 5,000 คะแนน นายณฐชนน ได้คะแนน 25,262 คะแนน นายจเด็ศ ได้ 31,052 คะแนน มีแนวโน้มว่านายจเด็ศจะชนะเลือกตั้งซ่อม พรรคเพื่อไทยสามารถปักธงพิษณุโลกเขต 1 ชิงพื้นที่จากพรรคก้าวไกล ซึ่ง สส.เดิมในเขตนี้คือ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาคนที่ 1 ซึ่งจากนี้แต่ละฝ่ายจะต้องนำผลไปวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ที่ทำให้แพ้-ชนะต่อไป
/////////////////