เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ก.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ได้พิจารณาวาระเรื่องด่วน คือ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอนุภาพทำลายล้างสูง (ฉบับที่…) พ.ศ. … ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งมีจำนวน 17 มาตรา
พ.ต.ท.สุริยา บาราสัน สว. ในฐานะประธาน กมธ. ได้รายงานข้อสังเกตต่อที่ประชุม เกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการดำเนินการ หรือทรัพย์สินที่ถูกดำเนินการ ของบุคคลที่ถูกกำหนดมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นพื้นฐาน เพื่อเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภา พิจารณารายละเอียด ทั้งนี้กฎหมายฉบับนี้ กำหนดองค์ประกอบฐานความผิดในการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ครอบคลุมถึงการทำธุรกรรมเล็กน้อย หรือการดำเนินกิจกรรมทางการเงินซึ่งเป็นปกติทางการค้าหรือมีเหตุอันสมควรและและมีโทษทางอาญา อันเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล ประกอบกับการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ถูกระงับการดำเนินการและบทลงโทษบางประการที่ยังไม่เหมาะสมกับการกระทำผิด
พ.ต.ท.สุริยา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ หน้าที่และอำนาจของสำนักงานและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดี ยังไม่มีมีประสิทธิภาพที่เพียงพอ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยในสาระกฎหมายกำหนดให้มีการระงับดำเนินการทรัพย์สิน แต่ไม่กระทบถึงค่าใช้จ่ายจำเป็นพื้นฐานของบุคคล และยังกำหนดโทษไว้ ทั้งโทษจำคุกและโทษปรับ ดังนั้นเพื่อให้ประเทศไทยมีมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยกฎหมายจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ท้ายที่สุดประชุมวุฒิสภามีเห็นชอบด้วยกับสภาผู้แทนราษฎร ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 173 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ จากนั้นจะจัดส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป.