นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ได้เปิดเผยในงาน ฟินเทค แฟร์ 2021 ว่า ในปัจจุบันภัยไซเบอร์และการหลอกลวงมีความหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าจะมีความเสี่ยงมากขึ้น ทางแบงก์ชาติ จึงให้ความสำคัญอย่างมากและต้องยกระดับการป้องกัน และรับมือกับภัยไซเบอร์ของผู้ประกอบการทางการเงินตามมาตรฐานสากล รวมทั้งต้องให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้ใช้บริการในการระวังป้องกันตัวเองด้วย

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาภาคการเงินไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เรื่องแรกคือ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการทางการเงินอย่างกว้างขวาง และเรื่องที่ 2 คือ การเพิ่มขึ้นของบทบาทของผู้ให้บริการที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ ทั้งในรูปแบบที่เป็นนอนแบงก์เดี่ยวหรือนอนแบงก์ ร่วมมือกับธนาคาร ทำให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมที่หลากหลาย และมีส่วนสำคัญในการเข้ามาเติมเต็มให้กับกลุ่มประชาชนหรือเอสเอ็มอีที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินบางประเภท โดยเฉพาะเรื่องของสินเชื่อ

“ธปท.จำเป็นต้องปรับ และดำเนินการเพื่อช่วยให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์จากโอกาสที่มากับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างเต็มที่ โดยการเพิ่มความยืดหยุ่นในการกำกับดูแล และรักษาสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการดูแลเสถียรภาพของระบบการเงินที่จะคำนึงถึงต้นทุนจากการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของผู้ประกอบธุรกิจ และการกำกับดูแลตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของผู้ประกอบการ ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายขนาดและประเภทมากขึ้น โดยในเรื่องเสถียรภาพนั้น จะให้น้ำหนักของเรื่องความสามารถในการรับมือกับผลกระทบของปัจจัยเสี่ยงและแรงกดดันต่าง ๆ รวมถึงความสามารถในการฟื้นตัวหลังจากถูกแรงกระทบ เพื่อให้เกิดวิวัฒนาการสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น”

นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ธปท.ได้วาง 3 แนวทางที่จะเปลี่ยนแปลงระบบการเงินไทยในอนาคต โดยเรื่องแรก คือ การมีโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัลที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรม โดยต้องเปิดกว้างให้ผู้ให้บริการทั้งรายเดิมและรายใหม่สามารถเข้ามาต่อยอดบริการทางการเงินได้ และแข่งขันได้อย่างเท่าเทียมกัน เช่น การพัฒนาเงินบาทดิจิทัล เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานระบบการเงิน เพิ่มทางเลือกสำหรับประชาชนและธุรกิจให้สามารถเข้าถึงเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยได้ ช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ และรวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการหลากหลายประเภทนำไปพัฒนานวัตกรรมเพิ่มเติมได้

ขณะเดียวกันยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ ธปท. ร่วมผลักดัน เช่น เนชั่นแนล ดิจิทัลไอดี (เอ็นดีไอดี) เพื่อใช้ยืนยันตัวตนสำหรับธุรกรรมในภาคธุรกิจ ภาคธนาคาร และภาครัฐ โดยปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนใช้งานเอ็นดีไอดีแล้วเกือบ 2 ล้านราย และในอนาคต ธปท. จะร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในการผลักดันให้มีการใช้งานเอ็นดีไอดีอย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเอ็นดีไอดีสำหรับนิติบุคคลในระยะต่อไป

สำหรับแนวทางที่ 2 คือ การสร้างสภาพแวดล้อมสำหรับการแข่งขันอย่างเท่าเทียมเพื่อให้เกิดนวัตกรรมจากผู้เล่นทุกประเภท โดยจะปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อทั้งการปรับตัวของผู้เล่นรายเดิมและการเข้าสู่ตลาดของผู้เล่นรายใหม่ กำกับดูแลเป็นสัดส่วนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงของผู้ประกอบการ รวมถึงการปรับปรุงแซนด์บ็อกซ์ ของ ธปท. ให้ยืดหยุ่น เปิดรับนวัตกรรมของผู้เล่นใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ขยายความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มีนวัตกรรมสามารถเข้าทดสอบได้ ซึ่งจะช่วยลดภาระที่ผู้ประกอบการต้องติดต่อกับผู้กำกับดูแลหลายราย

ขณะที่แนวทางที่ 3 คือ การพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกันได้ เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของข้อมูล และนำมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เป็นทิศทางที่ทุกประเทศกำลังเดินหน้าไป สำหรับในภาคการเงินไทย การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการทางการเงินต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำถูกต้องในการวางนโยบาย การบริหารความเสี่ยง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า