เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่กระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม แถลงผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “สรุปผลงานปี 64 และขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติในปี 65” ว่า ในปี 64 กระทรวงคมนาคม ดำเนินนโยบายแล้วเสร็จกว่า 30 นโยบาย และในปี 65 จะสานต่อนโยบายเดิม พร้อมขับเคลื่อนนโยบายเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น 76 นโยบาย สำหรับนโยบายที่ดำเนินการสำเร็จเป็นรูปธรรม อาทิ นโยบายเพิ่มความเร็วสูงสุดเป็น 120 กิโลเมตร (กม.) ต่อชั่วโมง (ชม.) โดยปี 64 ประกาศใช้แล้วกว่า 178 กม. และปี 65 จะเพิ่มเติมอีก 9 เส้นทาง ระยะทาง 138 กม.

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีนโยบายพัฒนาระบบผ่านทางด่วนแบบไร้ไม้กั้น (M-Flow) โดยปี 64 กรมทางหลวง (ทล.) จะทดสอบระบบบนมอเตอร์เวย์สาย 9 จำนวน 4 ด่าน ปี 65 เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ 7 ด่าน (ทล. 4 ด่าน และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 3 ด่าน) นโยบายจัดระเบียบรถรับจ้าง(รถยนต์)ผ่านแอพพลิเคชั่น โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ประกาศจัดระเบียบรถรับจ้างผ่านแอพแล้ว ซึ่งปี 65 ผู้ประกอบการจะทยอยจดทะเบียนจนครบทุกราย, นโยบายเร่งรัดเปิดบริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และสถานีกลางบางซื่อ โดยจะเปิดบริการอย่างเป็นทางการปลายเดือน พ.ย.นี้

นโยบายจัดทำแผนแม่บท MR-MAP โดยขณะนี้ศึกษาแผนแม่บทโครงข่ายแล้วเสร็จ และคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เห็นชอบแล้ว เริ่มศึกษาออกแบบเบื้องต้น 4 โครงการนำร่อง และนโยบายเร่งรัดก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) และมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ได้ลงนามในสัญญาให้เอกชนร่วมลงทุนสำหรับงาน O&M แล้ว และจะพร้อมเปิดให้บริการปี 66

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า สำหรับในปี 65 กระทรวงคมนาคมมีแผนลงทุนทั้งหมด 37 โครงการ วงเงินลงทุน 1.49 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น โครงการลงทุนต่อเนื่อง 13 โครงการ วงเงินลงทุน 5.16 แสนล้านบาท และโครงการลงทุนใหม่ 24 โครงการ วงเงินลงทุน 9.74 แสนล้านบาท โครงการลงทุนต่อเนื่อง อาทิ ทางถนน 1 โครงการ ได้แก่ มอเตอร์เวย์ M82 สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงมหาชัย-บ้านแพ้ว วงเงิน 3.22 หมื่นล้านบาท ทางบก 1 โครงการ ได้แก่ โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จ.เชียงราย วงเงิน 2.86 พันล้านบาท, ทางราง 7 โครงการ วงเงิน 4.76 แสนล้านบาท อาทิ 1.โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ วงเงิน 2.06 หมื่นล้านบาท 2.โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ วงเงิน 2.74 หมื่นล้านบาท 3.โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางนครปฐม-ชุมพร วงเงิน 4.03 หมื่นล้านบาท และ 4.โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เส้นทาง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท และทางอากาศ 4 โครงการ วงเงิน 5.71 พันล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาท่าอากาศยานขอนแก่น วงเงิน 2 พันล้านบาท 2.ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี วงเงิน 169 ล้านบาท 3.ท่าอากาศยานกระบี่ วงเงิน 2.92 พันล้านบาท และ 4.ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ วงเงิน 619 ล้านบาท

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ส่วนโครงการลงทุนใหม่ ประกอบด้วย ทางถนน 12 โครงการ วงเงิน 2.81แสนล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการมอเตอร์เวย์ M9 วงแหวนตะวันตก ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง วงเงิน 5.60 หมื่นล้านบาท 2.โครงการมอเตอร์เวย์ M5 ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน วงเงิน 2.78 หมื่นล้านบาท 3.โครงข่ายเชื่อมต่อ M6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา กับ ทล.32 วงเงิน 4.7 พันล้านบาท 4.โครงการมอเตอร์เวย์ M7 ทางยกระดับช่วงศรีนครินทร์-สุวรรณภูมิ วงเงิน 2.95 หมื่นล้านบาท 5.โครงการมอเตอร์เวย์ M8 สายนครปฐม-ชะอำ ช่วงนครปฐม-ปากท่อ วงเงิน 5.17 หมื่นล้านบาท 6.โครงการทางพิเศษ ขั้นที่ 3 สายเหนือ N1 และ N2 วงเงิน 3.78 หมื่นล้านบาท

7.โครงการทางพิเศษส่วนต่อขยาย สายฉลองรัช ช่วงจตุโชติ-ถนนวงแหวนรอบที่ 3 วงเงิน 2.19 หมื่นล้านบาท 8.โครงการทางพิเศษกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต วงเงิน 1.44 หมื่นล้านบาท 9.โครงการทางพิเศษ ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ จ.ภูเก็ต วงเงิน 3.04 หมื่นล้านบาท 10.โครงการถนนเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยาน-สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 จ.นครพนม วงเงิน 1.6 พันล้านบาท 11.โครงการสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 6 (อุบลราชธานี-สาละวัน) จ.อุบลราชธานี วงเงิน 4.76 พันล้านบาท และ 12.โครงการนโยบายแต่งแต้มสีสันทางหลวง ส่งเสริมการท่องเที่ยว วงเงิน 280 ล้านบาท

ทางบก 1 โครงการ ได้แก่ โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม วงเงิน 1.36 พันล้านบาท ทางราง 5 โครงการ วงเงิน 6.24 แสนล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ เส้นทาง เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 8.53 หมื่นล้านบาท 2.โครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ เส้นทาง บ้านไผ่-นครพนม วงเงิน 6.79 หมื่นล้านบาท 3.โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทาง ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท 4.โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 1.24 แสนล้านบาท และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน วงเงิน 2.24 แสนล้านบาท, ทางน้ำ 2 โครงการ วงเงิน 7.56 พันล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการแนวป้องกันการกัดเซาะตลิ่ง วงเงิน 6.11 พันล้านบาท และ 2.โครงการพื้นฟูชายหาด วงเงิน 1.44 พันล้านบาท และทางอากาศ 4 โครงการ วงเงิน 5.94 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 วงเงิน 1.58 หมื่นล้านบาท 2.โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 วงเงิน 3.68 หมื่นล้านบาท 3.ท่าอากาศยานชุมพร วงเงิน 3.25 พันล้านบาท และ 4. ท่าอากาศยานระนอง 3.55 พันล้านบาท

ขณะนี้ยังมีเวลาเหลืออยู่ในตำแหน่ง รมว.คมนาคม อีก 1 ปี 8 เดือน หากได้อยู่จนครบตำแหน่ง ก็จะเดินหน้าสานต่อโครงการต่างๆ ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งดูแลการพัฒนาระบบคมนาคมให้มีความสะดวก ปลอดภัย ตรงเวลา และราคาสมเหตุสมผล เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในการเดินทางของประชาชน. ถือว่าผลงานในปี 64 มีผลสำเร็จอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แต่จะให้ตัวเองประเมินคะแนนคงไม่ได้ ขอให้ประชาชนประเมินและตัดสินให้ อยากให้ถามว่าเหนื่อยมั้ย “ไม่เหนื่อย” สำหรับงานทุกนโยบายนั้นจะสำเร็จขึ้นได้จะทำงานเพียงคนเดียวไม่ได้ ที่ผ่านมาเน้นความเป็นยูไนเต็ดจึงทำให้ผลงานสำเร็จลุล่วงไปได้ ขอบคุณทุกคน พวกเราพร้อมที่จะขับเคลื่อนงานต่างๆ ต่อไปในปี 65