เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 19 ต.ค. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ได้เข้าร่วมเจรจากับผู้แทนลูกจ้าง บริษัท บริลเลียนท์ อัลไลแอนซ์ ไทย โกลบอล จำกัด และตัวแทนสหภาพแรงงานไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นเนลแห่งประเทศไทย จำนวน 8 ราย ที่มาชุมนุม เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามข้อเรียกร้องที่เคยยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่สำนักงาน ก.พ.
โดยนายสุชาติ กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยปฏิเสธการแก้ปัญหา แต่บางอย่างติดข้อกฎหมาย ไม่สามารถใช้งบกลางมาเยียวยาช่วยเหลือลูกจ้างได้ เพราะต้องนำมาใช้ในการช่วยเหลือภัยพิบัติ และสถานการณ์โควิด-19 ช่วยคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้เป็นหลัก ซึ่งกระทรวงแรงงานพร้อมที่จะช่วยเหลือ ในส่วนที่กระทรวงแรงงานมีอำนาจตามกฎหมายที่จะช่วยเหลือได้ และทั่วโลกเขาไม่ทำการที่จะเอางบกลางมาใช้ ทั้งนี้ ในวันที่ 28 ต.ค. ขอให้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมฯ ส่งตัวแทนมาหารือร่วมกับตน โดยตนจะเชิญตัวแทนสหภาพต่างๆ มาร่วมพูดคุยด้วย เพื่อตั้งคณะกรรมการหาทางออกร่วมกันที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งภายใน 4-5 วันนี้ ตนจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง ขอไปพูดคุยกันก่อน
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ในส่วนการออกหมายจับนายจ้างว่ามีความคืบหน้าไปแล้วอย่างไรบ้าง ขอให้นายเสกสกล ไปประสานกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ถึงความคืบหน้าในเรื่องคดีดังกล่าว เพื่อติดตามจับนายจ้างมาดำเนินคดี เนื่องจากทางกลุ่มต้องการให้อายัดทรัพย์สินของนายจ้างไว้ก่อน นำมาชดเชยค่าเสียหาเยียวยาลูกจ้าง
ด้านตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวเสนอว่า ขอให้นำงบกลางมาเยียวยาพวกเราก่อน ถ้าบอกว่างบกลางมีปัญหา อย่างน้อยขอให้หาช่องทางช่วยเยียวยาก่อน ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายกับนายจ้างได้ เพราะนายจ้างหนีไปแล้ว และค่าชดเชยตามกฎหมายนายจ้างก็ไม่สามารถเยียวยาลูกจ้างได้
จากนั้นนายสุชาติ ได้เดินออกมาพบกลุ่มผู้ชุมนุมฯ ที่ปักหลักใช้รถขยายเสียงชุมนุม อยู่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยสุชาติ กล่าวว่า ผลการหารือได้ข้อสรุป 3 ข้อคือ 1.ได้มีการออกหมายจับนายจ้างแล้ว เป็นหน้าที่ของตำรวจเร่งรัดและติดตามความคืบหน้า พร้อมกับพิทักษ์ทรัพย์บริษัท บริลเลียนท์ อัลไลแอนซ์ ไทย โกลบอลจำกัด โดยในวันที่ 23 พ.ย. กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน จะขึ้นศาลครั้งแรก 2. ในวันที่ 28 ต.ค.นี้จะมีการประชุมกองทุน โดยจะมีการเชิญตัวแทนสหภาพแรงงานมาหารือแนวทาง เป็นการประชุม 3 ฝ่ายประกอบด้วย นายจ้าง ลูกจ้าง และข้าราชการ โดยก่อนที่จะประชุมในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ตนจะหารือกับกรมสรรพากร เพื่อให้ทราบถึงความคืบหน้าในเรื่องข้อกฎหมายว่าจะสามารถนำเงินคืนภาษี 31 ล้านบาทของบริษัทดังกล่าวมาชดเชยเยียวยาได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นเรื่องของกระทรวงต่อกระทรวง ที่จะต้องมีการพูดคุยกันก่อนตามข้อกฎหมาย ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ถ้าทำได้ไม่ผิดกฎหมายก็ยินดีที่จะช่วยแรงงาน ถ้าทำแล้วผิดกฎหมายไปเปลี่ยนบรรทัดฐานของกฎหมายก็ไม่ควรทำ
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า และ 3.ในระหว่างที่ยังตามจับนายจ้างไม่ได้ และมีการค้างค่าจ้าง 242 ล้านบาทนั้น ไม่สามารถใช้งบกลางมาเยียวยาก่อนได้ จะต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาหารือว่าจะใช้ข้อกฎหมายใดในการเบิกจ่าย แต่จะต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและข้อกฎหมายของประเทศไทยว่าอะไรสามารถทำได้ ตนก็พร้อมที่จะช่วยทันที ทั้งนี้ พี่น้องแรงงานทราบดี ตนเข้ามาทำงานในกระทรวงแรงงานกว่า 1 ปี ไม่เคยคิดว่าทุกคนเป็นคนนอก คิดว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกันมาตลอด แล้วทุกคนก็รู้ว่าตนมีความจริงใจ บางครั้งอาจจะถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้างเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย.