หรือประเมินว่าผู้รับจ้างไม่มีความสามารถ ปล่อยให้เบิกได้อย่างไร สูงกว่า 250 ล้านบาท ถามเริ่มตรวจสอบบัญชีเจ้าหน้าที่ควบคุมงานหรือยัง เรียกร้องให้แจงรายละเอียด ใครบ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจรับ และใครคือคู่สัญญากับผู้รับจ้างตัวจริง เพราะนิ่งแบบนี้ ประชาชนและรัฐเสียประโยชน์ ขณะที่ปริมาณฝนได้กลืนวัสดุอุปกรณ์งานก่อสร้างหายเกลี้ยง ใครรับผิดชอบ
จากกรณี โครงการก่อสร้างเพื่อบรรเทาภัยน้ำท่วมที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นโครงการของกรมโยธาธิกรและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ปี 2562 จำนวน 8 โครงการ งบประมาณ 545 ล้านบาท ครอบคลุม 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ฆ้องชัย อ.กมลาไสย และอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ถึงปัจจุบัน ผู้รับจ้าง 2 หจก.ยักษ์ใหญ่ ประกอบด้วย หจก.ประชาพัฒน์-หจก.เฮงนำกิจ ไม่สามารถก่อสร้างเสร็จแม้แต่โครงการเดียว แต่อ้างว่าขดสภาพคล่อง ถึงแม้ กรมโยธาฯ และกรมบัญชีกลาง จะอนุญาตให้ ผู้รับจ้าง รับสิทธิพิเศษตามระเบียบพัสดุตาม ว.1459 ค่าปรับงานก่อสร้างไม่เสร็จให้เป็นศูนย์ คือไม่ต้องจ่ายค่าปรับเพื่อช่วยเหลือผู้รับจ้างไปแล้วแต่ก็ไม่ก่อสร้าง เกิดเหตุทิ้งงาน ขณะเดียวกันตามสัญญาทุกโครงการมีการแอดวานซ์ 15% บางโครงการยังมีการตรวจงานและเบิกเงินไปรวมทั้งหมดกว่า 250 ล้านบาท จนถูกกรมโยธาฯ ประกาศยกเลิกสัญญาทั้งหมด ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาความเสียหายรวมถึงการเรียกเงินคืน ขณะที่ องค์กรตรวจสอบ ป.ป.ท.-ป.ป.ช.-สตง.-ดีเอสไอ เริ่มขยับเพื่อติดตามเอาผิดต่อพฤติกรรมการก่อสร้างที่ส่อทุจริต ล่าสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้รับพิจารณาเป็นคดีพิเศษตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ทีมข่าวเฉพาะกิจส่วนกลาง เกาะติดปัญหาก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร ที่ยังไม่มีความคืบหน้าจากการตระเวนไปตามจุดก่อสร้างพบว่าอิทธิพลของพายุฝน ทำให้บริเวณก่อสร้าง 7 แห่ง ที่เป็นจุดก่อสร้างตลิ่งตามแม่น้ำพาน เขต อ.เมืองกาฬสินธุ์ ตลิ่งลำน้ำชี เขต อ.ฆ้องชัย อ.กมลาไสย วัสดุอุปกรณ์ หินหรืองานที่ได้ก่อสร้างเอาไว้ได้ถูกกระแสน้ำกลืนหายท่วมไปจนหมด โดยที่ลำน้ำชีจุดก่อสร้างจุดก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งบ้านหนองหวาย-หนองคล้า ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย ความยาว 300 เมตร งบ 39,525,000 บาท, จุดก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี วัดใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย ความยาว 423 เมตร งบประมาณ 59,306,000 บาท และจุดก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี (ระยะที่ 2) วัดลำชีศรีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย ความยาว 385 เมตร งบ 59,270,000 บาท พนังดินพังทลายสร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เสียดายงบประมาณแผ่นดินและเรียกร้องให้ฝ่ายตรวจสอบและทางจังหวัดกาฬสินธุ์เร่งเอาผิดกับงานก่อสร้างชุดนี้
โดย นายธนรรชน พลทัพ ผู้รับรางวัลต่อต้านการทุจริต จากมูลนิธิต่อต้านการทุจริต กล่าวว่า ปัญหาการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ยังคงสร้างปัญหาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนอย่างมาก ทำลายเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของเมืองกาฬสินธุ์จนเสียหายมหาศาลไม่พัฒนา ทั้งที่ได้รับโอกาสจากงบประมาณแผ่นดิน ก่อนหน้าตั้งแต่ปี 2562 ตนเป็นคนขับเคลื่อนปัญหานี้ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ก็คือโครงการป้องกันปัญหาน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ งบประมาณ 148 ล้านบาท การตรวจสอบพบมีการเบิกจ่ายเงินตามงวดงานเป็นจำนวนมาก ขณะที่การก่อสร้างล่าช้า ไม่สอดคล้องกับปริมาณงานที่ได้ ก่อนที่ต่อมาทางผู้รับจ้างได้ทิ้งงานไปในที่สุด
นายธนรรชน เล่าว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 67 นายจิรวัฒน์ สุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 4 (ผอ.ป.ป.ท.เขต 4) และคณะ ได้เดินทางมาตรวจติดตามปัญหาดังกล่าว ที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายวิจิตร งามชื่น โยธาธิการและผังเมือง จ.กาฬสินธุ์ และตัวแทนผู้รับจ้างให้ข้อมูล ขณะที่ภาคประชาชน มีนายสิทธิศักดิ์ ยนต์ตระกูล รองประธานคณะกรรมาธิการธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ นายชาญยุทธ โคตะนนท์ คณะกรรมาธิการธรรมาภิบาลฯ ฝ่ายวิชาการและคณะ รวมทั้งตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเข้าร่วมประชุม
จากนั้นลงพื้นที่ดูสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริง เป็นการก่อสร้างโครงการในเขตเทศบาล งบประมาณ 148 ล้านบาท พบว่าเบิกจ่ายไปแล้ว 80 ล้านบาท คงเหลือ 68 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่ายังมีอีก 7 โครงการ ของกรมโยธาฯ ที่จัดสรรลงมาดำเนินการในพื้นที่ใน จ.กาฬสินธุ์ ในห้วงระยะเวลาไล่เลี่ยกัน และเกิดปัญหาการก่อสร้างล่าช้า ผู้รับจ้างทิ้งงานเหมือนกัน โดยเฉพาะเป็นผู้รับจ้างรายเดียวกันอีกด้วย คือ หจก.ประชาพัฒน์ ได้งาน 2 โครงการ คือ โครงการป้องกันน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ และโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งหน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำ ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์
ขณะที่ หจก.เฮงนำกิจ ได้งาน 6 โครงการ คือโครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแก่งดอนกลาง เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์, โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งซอยน้ำทิพย์ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์, โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งลำน้ำพาน ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์, โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำชี วัดลำชีวนาราม ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย, โครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งบ้านหนองหวาย-หนองคล้า ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย และเขื่อนป้องกันตลิ่งวัดใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย
“ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ตนได้ร้องเรียนด้วยวาจากลางที่ประชุม ต่อนายจิรวัฒน์ สุภาพ ผอ.ป.ป.ท.เขต 4 และคณะ เพื่อให้ตรวจสอบการดำเนินงานของผู้ว่าจ้าง ในส่วนของการต่ออายุสัญญา 2 ครั้ง โดยมีค่าปรับเป็น 0 บาทชอบหรือไม่ นอกจากนี้ ยังขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ควบคุมงาน และกรรมการตรวจการจ้าง ว่ากรรมการทั้ง 2 ชุดนี้ มีการเบิกจ่ายเงิน เป็นไปตามงวดงานสัญญาจ้างหรือไม่ ถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่า ป.ป.ท.เขต 4 ขอนแก่น ได้นำเรื่องร้องเรียนไปเข้าสู่ระบบตรวจสอบหรือยัง จึงขอให้เปิดเผยผลการตรวจสอบต่อสาธารณชนด้วย ประเด็นที่ตนได้ร้องเรียนต่อที่ประชุมผ่านมาเกือบครึ่งปี ยังไม่ได้รับคำตอบว่ามีความคืบหน้าหรือไม่อย่างไร
ขณะเดียวกันยังทราบว่า ทางเครือข่าย ป.ป.ท. และธรรมาภิบาล จ.กาฬสินธุ์ ก็ได้มีการตรวจสอบพบว่ากรมโยธาฯ จัดงบประมาณมาลงในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงปี 62-64 จำนวน 8 โครงการ งบประมาณรวม 545 ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายไปแล้วกว่า 250 ล้านบาท และเกิดปัญหาเดียวกันคือผู้รับจ้างทิ้งงาน ซึ่งขณะนี้ทราบว่าทางกรมโยธาฯ ได้ยกเลิกสัญญากับ 2 บริษัทรับจ้างแล้วทั้ง 8 โครงการ ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าว่าทางกฎหมายจะดำเนินการอย่างไรกับผู้รับจ้างทิ้งงาน โดยเฉพาะในส่วนของการเรียกเงินที่จ่ายไป เริ่มจากเงินแอดวานซ์โครงการละ 15% และเงินที่เบิกจ่ายไป เพราะเป็นเงินแผ่นดิน เนื่องจากตอนนี้เนื้องานที่ทำทิ้งไว้และเบิกไปแล้วกว่า 250 ล้านบาทนั้น ไม่ต่างกับตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ถูกกระแสลำน้ำพานและลำชีกลืนหายไปหมดแล้ว”
นายธนรรชน กล่าวต่อว่า ถึงวันนี้การตรวจสอบของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยังล่าช้า ประเด็นที่ตนและพี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์ ผู้ได้รับความเดือดร้อนอยากทราบ เช่น ผลการตรวจสอบการดำเนินงานของผู้ว่าจ้าง การต่ออายุสัญญา 2 ครั้ง โดยมีค่าปรับเป็น 0 บาท ชอบหรือไม่ และการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ควบคุมงาน ของกรรมการตรวจการจ้าง รวมถึงการเรียกเงินคืนจากผู้รับจ้าง หรือดำเนินการกับผู้รับจ้างทิ้งงานอย่างไง ยังไม่มีคำตอบออกมาเลย จึงได้ออกมาเรียกร้องให้ ป.ป.ท.-ป.ป.ช.-สตง.-ดีเอสไอ เร่งรัดตรวจสอบและขอคำตอบจากกรมโยธาฯ ที่เป็นเจ้าของงบประมาณและคู่สัญญากับผู้รับจ้าง ว่าดำเนินการถึงขั้นตอนไหนแล้ว เพราะยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ทุกคนหวั่นจะเป็นมวยล้ม อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้รับรางวัลต่อต้านการทุจริต จากมูลนิธิต่อต้านการทุจริต ก็จะได้ร่วมกับหน่วยงานตรวจสอบทุกแห่ง ติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด.