เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 ก.ย. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเลี้ยงฉลองชัย มอบเงินรางวัลและแสดงความยินดีแก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา คณะเจ้าหน้าที่และบุคลากรกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (ผู้ว่าการ กกท.) โดยก่อนเป็นประธาน นายกฯ ได้เดินทักทายพร้อมให้กำลังใจนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์
จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า ดีใจแทนทุกท่านด้วยมากๆ วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติ และยินดี ทั้งนักกีฬา และทีมงานด้วย ซึ่งทุกคนเป็นฮีโร่ของเมืองไทย ซึ่งผลงานการแข่งขันครั้งที่ผ่านมา ที่กรุงปารีส ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศไทย ด้วยผลงาน 6 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน และ 13 เหรียญทองแดง ถือเป็นลำดับที่ 21 ของโลก จึงขอปรบมือให้อีกครั้ง และจริงๆ แล้ว ตนได้ทราบจากข่าวว่า ทุกคนไปแข่งขันมารู้สึกภูมิใจ และจากที่ได้นั่งดูทีวีจากทางบ้าน และวันนี้ได้มาเจอกับทุกท่าน รู้สึกยินดี เพราะรู้ว่ากีฬาต้องผ่านการฝึกฝนและจิตใจที่มุ่งมั่น ทั้งตัวนักกีฬาและทีมซัพพอร์ต ต้องมีจิตใจที่แน่วแน่มุ่งมั่น ต้องผลักดันตัวเองให้ถึงเป้าหมายให้ได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ ทั้งนี้ ตนเองรู้สึกภาคภูมิใจแทน และได้พูดคุยกันสั้นๆ กับนักกีฬา ก็รู้สึกยิ้มแทนทุกคน และภูมิใจแทนคนไทยทุกคนด้วย
“ขอบคุณทุกท่านที่ทำงานอย่างหนักมาตลอด ทั้งนักกีฬาและทีมผู้ฝึกสอนทุกคน คือความภูมิใจของคนไทย ของประเทศไทย ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของนักกีฬาทุกท่าน ที่ต้องใช้ทั้งพลังกาย พลังใจมาก กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเงินสนับสนุน จะมีส่วนที่จะช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้กับพวกท่าน และฝึกซ้อมต่อ เพื่อสร้างผลงานที่เป็นที่น่าภาคภูมิใจต่อพวกเรา และความสำเร็จของทุกท่าน เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญให้กับคนไทยทุกคน โดยเฉพาะเด็กๆ ที่กำลังมีความสนใจที่จะก้าวเข้ามาสู่การกีฬา พวกท่านเป็นแรงผลักดันและเป็นกำลังใจให้กับพวกเขา“ นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า และความจริงแล้ว ถ้าเรามุ่งมั่นตั้งใจ ความสำเร็จก็จะไม่เกินจริง การส่งต่อพลังจากรุ่นสู่รุ่นเป็นสิ่งสำคัญให้วงการกีฬาไทยได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป ฉะนั้นต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และช่วยกันสนับสนุนกีฬาพาราลิมปิกที่ผ่านมา และหวังว่าอีก 4 ปีข้างหน้า คนไทยจะได้มีประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้ง.