สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล แถลงบนเวทีอภิปรายทั่วไป การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) สมัยสามัญครั้งที่ 79 ว่าอิสราเอลกำลังเผชิญกับ “สถานการณ์ที่ไม่อาจอดทนได้” ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา สื่อถือสงครามในฉนวนกาซากับกลุ่มฮามาส และการปะทะข้ามพรมแดนกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2566
เนทันยาฮูกล่าวต่อไปว่า อิสราเอลกำลังเผชิญกับภาวะสงครามครั้งใหญ่ และการต่อสู้ครั้งนี้ “เพื่อความอยู่รอด” จากบรรดาศัตรูที่จ้องทำลายอิสราเอล ขณะที่อิสราเอลต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
เกี่ยวกับความขัดแย้งกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น เนทันยาฮูกล่าวว่า ตราบใดที่อิสราเอลยังคงเลือกเส้นทางของสงคราม อิสราเอล “ไม่มีทางเลือกอื่น” นอกเหนือจาก “ต้องดำเนินการเพื่อให้ภัยคุกคามและอันตรายนั้นหมดไป” และจนกว่า “จะบรรลุเป้าหมาย” นั่นคือการที่ชายแดนทางเหนือของอิสราเอล “ต้องปลอดภัย” เพื่อให้ประชาชนที่เคยอพยพออกมาจากบริเวณดังกล่าว สามารถเดินทางกลับเข้าไปอาศัยได้ตามเดิม
นอกจากนี้ เนทันยาฮูกล่าวถึงการสู้รบในฉนวนกาซา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 41,000 ราย ว่าอิสราเอลจะเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมาย นั่นคือการกำจัดกลุ่มฮามาส และช่วยเหลือตัวประกันทุกคนที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในฉนวนกาซา
ขณะเดียวกัน ผู้นำอิสราเอลกล่าวถึงอิหร่านว่า “ไม่มีพื้นที่แห่งใดในอิหร่าน ซึ่งจะรอดพ้นจากอาวุธของอิสราเอล” และเรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นกว่านี้กับอิหร่าน เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายมีอาวุธนิวเคลียร์
อนึ่ง มติปัจจุบันของยูเอ็นเอสซี เกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และการใช้อำนาจคว่ำบาตรรัฐบาลเตหะราน จะหมดอายุในเดือน ต.ค. 2568.
เครดิตภาพ : AFP