เมื่อวันที่ 28 ก.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จากนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่จะแจกเงินผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต ตอนสมัยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2566 มีหลายคนรู้สึกตื่นเต้นว่าเป็นนโยบายใหม่ทันสมัย มัดใจคนไทยได้ ต้องการให้คะแนนแลนด์สไลด์ หวังจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แพ้ให้กับพรรคก้าวไกล ที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยมาเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ได้ชะลอนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตออกไป และเลื่อนไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนถึงรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เปลี่ยนจากการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการแจกเงินสดแทน จากความหวังที่ให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 4 รอบ กลายมาเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ เพราะเป็นการแจกเงินสดๆ เหมือนกับรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย เคยปรามาสว่ารัฐบาลที่แจกเงินเป็นรัฐบาลปัญญาอ่อน แต่ตอนนี้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ก็แจกเงินสดเช่นกัน ตนจึงไม่แน่ใจว่าปัญญาอ่อนหรือปัญญานิ่มกันแน่
นายเทพไท กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีอีกหลายนโยบายที่พรรคเพื่อไทย คัดลอกนโยบายจากรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งล่าสุดนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและการกีฬา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลกำลังปัดฝุ่นโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “คนละครึ่ง” ที่เป็นนโยบายของรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พรรคเพื่อไทยเคยโจมตีสมัยเป็นฝ่ายค้าน แต่วันนี้ก็หยิบฉวยมาต่อยอดเป็นนโยบายต่อ ซึ่งตนไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยรู้สึกเหนียมอายต่อคำที่เคยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายที่ผ่านมา การนำนโยบายคนละครึ่งมาปัดฝุ่นและดำเนินการต่อ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี และควรจะทำมากกว่าการแจกเงินสดให้กับประชาชนใช้จ่ายอย่างอิสระ ซึ่งไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือหมุนเวียนของเศรษฐกิจ 4 รอบ ตามราคาคุย ส่วนใหญ่ก็จะใช้จ่ายหมดภายในรวดเร็ว ซึ่งต่างกับนโยบายคนละครึ่ง ซึ่งสามารถบริหารการใช้จ่ายได้ ในช่วง 3-4 เดือน ซึ่งสามารถทำให้เงินสะพัดและหมุนเวียนได้ในระยะยาวมากกว่า
“ผมเชื่อว่ายังมีนโยบายอื่นๆ อีกหลายนโยบาย ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเคยวิพากษ์วิจารณ์ไว้ และในที่สุดก็นำเอามาใช้ต่อ ซึ่งแบบนี้เขาเรียกกันว่า ว่าแต่เขาอิเหนาทำเอง” นายเทพไท กล่าว