นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังจากได้ประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก (World Class Destination) ระหว่างการท่องเที่ยวภายในประเทศ (ททท.) ภายใต้สำนักงาน ททท.ต่างประเทศ 29 แห่งทั่วโลก และสำนักงานในประเทศอีก 45 แห่ง เพื่อรับฟังข้อมูลในการผลักดันภาคการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตต่อไป โดยข้อเสนอของสำนักงาน ททท. ส่วนใหญ่ยังเป็นเรื่องเที่ยวบินที่ต้องการให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น เพราะประเทศไทยถือเป็นจุดสนใจในการเข้ามาท่องเที่ยวของทั่วโลก ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นจำนวนเที่ยวบินกลับมาแล้วในหลายประเทศ และเพิ่มการบินตรงเข้ามามากขึ้น หลังจากยกเลิกบินในช่วงเกิดโควิดระบาด อาทิ อิตาลี อังกฤษ โดยเรายังต้องการแรงผลักดันเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวมากขึ้น อาทิ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแมนเมค หรือสร้างด้วยมือมนุษย์ เพื่อเดินหน้าตามเป้าหมายการสร้างรายได้รวม อยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 36.7 ล้านคน
“มุ่งเน้นการนำประเทศไทยกลับมาเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของโลกอีกครั้ง ซึ่งอะไรที่ภาครัฐส่งเสริมได้ก็จะเดินหน้าต่อเนื่อง อาทิ การเจรจาในแง่ต่างๆ เพื่อดึงอีเวนต์ระดับโลกเข้ามาจัดในประเทศไทย โดยอุปสรรคในการทำตลาดต่างชาติเที่ยวไทยยังเป็นเรื่องงบประมาณในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ซ่อมหรือสร้างสิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อดึงดูดเข้ามาท่องเที่ยว ส่วนสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง ยังไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว สะท้อนจากการสำรวจเที่ยวบิน หรือการยกเลิกการจองโรงแรมล่วงหน้าที่ยังไม่มีรายงานเข้ามา ขณะที่ค่าเงินบาทก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือการจองเข้าพักล่วงหน้าลดลง” นายสรวงศ์ กล่าว
นายสรวงศ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่จะนำกลับมาทำใหม่อีกครั้งนั้น เบื้องต้นไม่ทันในปี 2567 นี้แน่นอน เพราะต้องอาศัยงบประมาณ ซึ่งต้องรอพิจารณาอนุมัติจากรัฐบาลอีกครั้งว่าจะมีขนาดจำนวนใหญ่มากน้อยเท่าใด โดยในแนวคิดต้องการใช้เป็นการกระตุ้นท่องเที่ยวช่วงที่มีการเดินทางน้อย หรือช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวหรือโลว์ซีซั่นมากกว่า ประมาณเดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นไป เพราะช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ถือเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่น ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยจำนวนมากอยู่แล้ว โดยในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ จะมีการกระตุ้นท่องเที่ยวผ่านแคมเปญวินเทอร์ เฟสติวัล และอีเวนต์ที่เหลืออยู่ อาทิ เทศกาลลอยกระทง เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการเดินทาง
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ไตรมาส 4/2567 ปัจจัยต่างๆ อาทิ สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย และหลายประเทศทั่วโลก สงครามตะวันออกกลาง ค่าเงินบาทแข็ง มีผลต่อการท่องเที่ยวบ้าง แต่ไม่ได้มีนัยสำคัญเท่าที่ควร เนื่องจากภาพรวมการเดินทางท่องเที่ยวของตลาดต่างชาติเที่ยวไทย ยังเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่ง ททท. ก็พยายามเดินหน้าให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีปัจจัยบวกเป็นแรงหนุนคือ สายการบินในหลายประเทศที่ฟื้นตัวกลับมา ทั้งการบินตรง และเช่าเหมาลำ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวชาติจีน 1-7 ต.ค. นี้ ที่แนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยแตะ 3 หมื่นคนต่อวัน ทำให้ช่วง 7 วัน จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามากว่า 3 แสนคน มากกว่าที่ประเมินไว้เดิมอยู่ที่ 1.3-1.8 แสนคน ซึ่งภาคเอกชนสะท้อนตัวเลขมาว่า ยอดจองช่วงวันชาติจีน บวกขึ้นสูงสุดถึง 200% ด้วย