เมื่อวันที่ 20 ต.ค. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว. คมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.64 ว่า ท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่งมีความพร้อม 100% ในการรับนักท่องเที่ยวตามนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล โดยขั้นตอนต่างๆ ถือว่าเป็นระบบมาก ซึ่งระยะเวลาของผู้โดยสาร ตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน จนเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจจะใช้เวลาประมาณคนละ 25 นาที เร็วกว่าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ใช้เวลาคนละ 30 นาที

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ทอท. ได้เสนอว่าหากต้องการให้เกิดความคล่องตัว และลดความคับคั่งแออัดภายในสนามบิน รัฐบาลควรพิจารณาให้สามารถรับผล Swab ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่เกิน 72 ชั่วโมง และหลักฐานการรับวัคซีนครบ 2 โด๊สมาใช้เป็นหลักเกณฑ์เบื้องต้น และให้มาตรวจหาเชื้อในรูปแบบ ATK หรือ RT-PCR ที่โรงแรม หรือที่พักแทน ทั้งนี้ข้อเสนอดังกล่าวทางกระทรวงคมนาคมจะเสนอในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) พิจารณาต่อไป

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า เบื้องต้นคาดการณ์ว่าช่วงแรกของการเปิดประเทศ จะมีผู้โดยสารระหว่างประเทศเดินทางมายังประเทศไทยทางอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของท่าอากาศยานดอนเมือง คาดว่าจะมีประมาณวันละ 1 หมื่นคน หรือประมาณ 20% ของปี 62 ก่อนเกิดโควิด ส่วนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คาดว่าจะมีผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณวันละ 6 หมื่นคน หรือประมาณ 30% ของปี 62 ทั้งนี้หากมีผู้โดยสารเดินทางมามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็สามารถรับมือได้ และจะไม่เกิดปัญหาติดขัดในขั้นตอนกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองแน่นอน

“ผมให้นำ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” มาเป็นต้นแบบในการดำเนินงานเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และให้นำปัญหาต่างๆ ที่ทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่ปลอดภัย มาปรับปรุง เพื่อใช้ปฏิบัติกับท่าอากาศยานของ ทอท. ทั้ง 6 แห่ง และท่าอากาศยานของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ทั้ง 29 แห่ง ซึ่งทุกแห่งต้องพร้อมรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางทั่วประเทศ” รมว.คมนาคม กล่าว.