เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้นัดพร้อมหรือนัดฟังคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ อ258/2564 ที่พนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย จำเลย ในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม กรณีทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น กว่า 431 ล้านบาท ระหว่างปี 2554-2562 โดยวันนี้นายเอกราช ได้เดินทางมาพร้อมกับทีมทนายความชุดใหม่ เช่นเดียวกับฝ่ายโจทก์ร่วม ที่วันนี้เดินทางมาร่วมรับฟังคำตัดสินเช่นกัน นำโดยนายอนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด และคณะกรรมการสหกรณ์ครูฯ กว่า 10 คน เข้าร่วมรับฟังการอ่านคำพิพากษา โดยเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 14.30 – 18.00 น. ก่อนที่นายเอกราช จะขึ้นรถยนต์ออกจากศาลไปหลังเสร็จสิ้นกระบวนการศาลในวันนี้ โดยมีรายงานว่า นายเอกราช ได้มีการนัดหมายสื่อมวลชน เพื่อที่จะแถลงข่าวและชี้แจงในกรณีนี้ ในวันที่ 10 ต.ค.67
นายอนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงจากห้องพิจารณาคดีว่า ผลการพิจารณาของศาลวันนี้เป็นที่พอใจของฝ่ายโจทก์ ซึ่งการฟ้องร้องเอาผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญานี้เป็นมติของที่ประชุมใหญ่ฯ ตั้งแต่แรก โดยกระบวนการของศาลในวันนี้ใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง เนื่องจากฝ่ายจำเลย ได้กลับคำให้การ โดยได้ยื่นคำให้การขอปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องจากที่จำเลยจะเคยให้การรับสารภาพไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะต่อสู้คดี ส่วนเงินจำเลยยังยินยอมที่จะรับผิดชอบในทางคดีแพ่ง แต่ทางอัยการฝ่ายโจทก์และโจทก์ร่วมไม่ยอม จึงคัดค้านคำร้องของจำเลย
“ทำให้ศาลต้องใช้เวลาในการพิจารณา จนกระทั้งมีคำสั่งไม่รับคำร้องของฝ่ายจำเลย เนื่องจากศาลเห็นว่า จำเลยได้ให้การรับสารภาพมาแล้ว รวมทั้งจำเลยได้มีการชำระเงินให้กับฝ่ายโจทก์มาแล้วในช่วงปี 2565 – 2566 จึงไม่มีเหตุอันควรในการอนุญาตให้มาดำเนินการต่อสู้ในคดีอาญา ซึ่งในการะบวนการของศาลวันนี้ ทางจำเลยได้มีการหยิบยกเรื่องของการขายที่ดินของ ป.ป.ง. เพื่อที่จะนำเงินมาชดใช้คืนให้กับทางสหกรณ์ฯ ซึ่งกรณีนี้ไม่เกี่ยวกับสหกรณ์ เป็นเพียงการกล่าวอ่างว่าจะมีเงินมาคืนให้กับทางสหกรณ์เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ยอดนี้ที่จำเลยยังติดค้างสหกรณ์ฯ อยู่ เป็นเงินกว่า 350 ล้านบาท ทั้งนี้ ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 18 ธ.ค.2567 เวลา 09.00 น. ตามเดิม”
สำหรับการเดินทางมารับฟังคำตัดสินของศาลในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้นัดให้ฝ่ายโจทก์และจำเลยได้เดินทางมารับฟังคำตัดสินแล้วครั้งหนึ่ง แต่เนื่องจากก่อนที่ผู้พิพากษาจะขึ้นนั่งบัลลังก์พิจารณาคดี ทนายฝ่ายจำเลย ได้เจรจากับทนายโจทก์และโจทก์ร่วม โดยแจ้งว่า ฝ่ายจำเลยได้นำเงิน 40 ล้านบาท เป็นแคชเชียร์เช็ค มาวางที่ศาล เพื่อชำระหนี้ค่าเสียหายตามฟ้อง ซึ่งตามเงื่อนไขจะต้องชำระเงินทั้งหมดคืน ภายใน 5 ปี โดยชำระปีละอย่างน้อย 50 ล้านบาท เริ่มปีแรก พ.ศ.2565 จำเลย ชำระ 50 ล้านบาทเศษ แต่ปี 2566 จำเลยนำเงินมาวางศาลเพียง 10 ล้านบาท ทำให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ยังไม่ติดต่อขอรับเพราะผิดเงื่อนไข และในการเจรจาครั้งนั้นทนายฝ่ายจำเลย ได้ขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 18 ธ.ค.นี้
ซึ่งในวันดังกล่าว นายอนุศาสตร์ สอนศิลพงศ์ ประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด ได้ขอให้เพิ่มหลักทรัพย์ค้ำประกันอีก 130 ล้านบาท โดยให้นำหลักทรัพย์ที่มูลค่าดังกล่าวมาวาง ภายในเดือนกรกฎาคม 2567 ส่วนการชำระหนี้รายปี หรือหากเป็นเงินสด จะต้องเป็นเงินสด จำนวน 100 ล้านบาท กำหนดภายในเดือนกรกฎาคมนี้เช่นกัน ส่วนการชำระหนี้รายปีเป็นไปตามข้อตกลงเดิม 50 ล้านบาท โดยต้องนำมาชำระภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน ซึ่งฝ่ายจำเลยเห็นชอบตามนี้ กระทั้งถึงกำหนดวันที่จำเลย คือ นายเอกราช ช่างเหลา จะต้องนำหลักทรัพย์มูลค่า 130 ล้านบาท มาวางประกันหรือนำเงินจำนวน 100 ล้านบาท ชำระค่าเสียหายให้กับสหกรณ์ฯ ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2567 ปรากฏว่า นายเอกราช กลับไม่ได้ดำเนินการตามที่ตกลงกับฝ่ายโจทก์เอาไว้ ศาลจังหวัดขอนแก่น จึงได้มีการนัดฝ่ายโจทก์และจำเลยมาในวันนี้