สตีฟ บรูซ อดีตผู้จัดการทีม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เปรยอาจจะไม่หวนกลับมารับงานคุมทีมฟุตบอลอีกแล้ว หลังโดนสาวกสาลิกาดงบูลลี่อย่างหนักตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับงานในถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ก เมื่อปี 2019 จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของตัวเขา และเจเน็ต ภรรยาสุดที่รักอย่างรุนแรง

บรูซ วัย 60 ปี ถูกเจ้าของทีมใหม่นำโดนกลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบียของ นิวคาสเซิล ปลดออกจากตำแหน่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และยอมรับว่า นี่อาจจะเป็นงานสุดท้ายของเขาในฐานะผู้จัดการทีม หลังจากเพิ่งทำสถิติคุมทีมลงสนามครบ 1,000 นัดไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

บรูซ ซึ่งพา นิวคาสเซิล ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่จนหล่นไปรั้งตำแหน่งรองบ๊วยในตารางพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ กล่าวว่า “ผมคิดว่ามันคงจะเป็นงานสุดท้ายของผมแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของผมคนเดียวเพราะครอบครัวของผมก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยเนื่องจากพวกเขาเป็นชาวจอร์ดี และผมก็ไม่สามารถเพิกเฉยกับเรื่องนั้นได้”

“พวกเขาเป็นห่วงผม โดยเฉพาะ แจน ภรรยาของผม เธอเป็นผู้หญิง เป็นภรรยา คุณแม่ และคุณย่าที่ยอดเยี่ยม เธอช่วยจัดการเรื่องการเสียชีวิตของพ่อแม่ผม ขณะที่พ่อแม่ของเธอก็สุขภาพไม่ดีนัก จากนั้นเธอก็ต้องมาเป็นห่วงผม และกังวลกับเรื่องที่ผมต้องเผชิญตลอด 2 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย”

“ตอนที่ผมเข้ามาคุมนิวคาสเซิล ผมคิดว่า จะรับมือกับทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาที่ผมได้ แต่มันก็หนักหนาสาหัสมาก ๆ กับการไม่เคยเป็นที่ต้องการ การรู้สึกว่าใคร ๆ ก็อยากให้ผมล้มเหลว การได้อ่านเจอว่าผมจะไม่ประสบความสำเร็จ ผมมันไร้ประโยชน์ ผมเป็นไอ้อ้วนรกโลก เป็นไอ้โง่ เป็นไอ้หัวผักกาด หรือ อะไรก็ตาม ซึ่งมันเริ่มมาตั้งแต่วันแรกเลย” กุนซือร่างอวบ ทิ้งท้าย.

ภาพ AP